[รีวิวสั้น] หนัง Dune: Part 1+2 จากคนอ่านนิยายเล่ม 1 จบแล้วแยกย้าย

หนัง Dune Part 1+2 ที่อิงเนื้อหานิยายเล่ม 1 โดย Frank Herbert

หนังฉาย Dune Part 1 ใกล้ครบปีแล้ว เราพิ่งจะได้ดูวันก่อน(ดู Part ตอนตอนก.ค. 2022) !!! 55555 ล่าสุดตอนเม.ย. 2024 ก็เพิ่งไปดู Part 2 มาด้วย ก็เลยมานั่งอัปเดตเนื้อหาบล็อกนี้ใหม่ด้วยเลยแล้วกัน

ความรู้สึกหลังอ่านนิยายเล่มแรกจบ

Dune ฉบับพ.ศ. 2546 มีให้เช่าที่ร้านวราสาสน์ พญาไท

จากการอ่านนิยาย Dune เวอร์ชั่นแปลไทยเก่าฉบับตีพิมพ์ พ.ศ. 2546 ซึ่งครอบคลุมตัวหนัง Part 1(2021)+Part 2(2024) เราว่ามันเป็นเรื่องที่ย่อยยาก สำนวนจักรๆ วงศ์ๆ เยอะ อภิธานศัพท์ (Glossary) ก็เพียบ ช่องพอตแคสต์ Readery เคยกล่าวขานไว้ว่าถ้าคุณอ่านจบรอบแรกแล้วเข้าใจหมดคือคุณเทพมาก บรรลุจุดสูงสุดแห่งธรรมแล้ว ขนาดนั้น 5555 ซึ่งด้วยความสำนวนแต่งยุคสมัยนั้น (ค.ศ.1965) จึงทำให้เอามาอ่านสมัยปัจจุบันแล้วอ่านยากไปโดยปริยาย แต่ว่าตัวหนังทำออกมาได้ดีเลย ดูง่าย ศัพท์เฉพาะก็ถ่ายทอดออกมาให้จับทางง่ายว่าคำนี้ๆ หมายถึงอะไร ถึงบางจังหวะอาจจะต้องจำศัพท์ไปค้นในกูเกิ้ลเพิ่มอีกที เช่น บีน เกสเซริท, กอม เจบบาร์ (จริงๆ มันต้องออกเสียงว่า เบเนเจเซริต สินะ 5555)

ถึงแม้ชื่อตัวละครหลาย ๆ ตัวจะแฟนซีแต่พอเป็นชื่อตัวเอกอย่าง พอล(Paul) นี่ก็เรียบง่ายขึ้นมาเชียว ฮาาาา แล้วตัวหนังสือพยายามอัดเนื้อหาเซตติ้งต่างๆ ไว้ในครึ่งแรก จนค่อนข้างเป็นของแสลงเวลาอ่านพอสมควร

ฉากต่อสู้นี่ตอนที่พอลสู้กับอาจารย์ในช่วงแรกๆ ของหนังสือพรรณาได้เหมือนดูหนังกำลังภายในอยู่เหมือนกันแฮะ แต่ฉากที่บู๊ก็ดูเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวอยู่แค่ฉากนั้นแหละ พอฉากบู๊ ดวลดาบฉากหลังๆ ก็ดูผ่านมาผ่านไป แบบอ่านแล้วไม่ได้รู้สึกเห็นภาพคิวบู๊ที่มันหยดติ๋งขนาดนั้น

ส่วนการดำเนินเรื่อง ต้องบอกว่าเดินกันเนือยพอตัว เป็นหนังสือยานอนหลับชั้นดีของเรา 😅 (ใครบอกหนัง Part 1 เนือยจะหลับ หนังสือก็เนือยกว่านั้น) ซึ่งเข้าใจได้ว่าจุดประสงค์เล่มแรกคือการปูจักรวาลแห่งดูนส์ และปูรากฐานเพื่อไปสู่เล่มถัดไป แต่ถึงกระนั้น หนังสือก็ปูกันไปยัง 80% ของเล่มกว่าจะได้ถึงไคลแมกซ์สงครามของเรื่อง โดยตัวไคลแมกซ์ของหนังสือก็มาไวไปไวเช่นกัน ในหนัง Part 2 เองก็เดินเรื่องกันแบบเคลมเร็วตามฉบับเขาไป (หลายๆ คนที่รีวิวเล่มนี้ถึงกับบอกว่า จบแล้วจริงดิ นี่สงครามละหรือออ เคลียร์กับคู่กรณีกันไวโพดดด ฮาาา) บางคู่ที่ดูอาฆาตกันมานานนมก็ปิดจ๊อบกันง่ายๆโดยไม่ต้องลุ้น ยังดีที่ทำฉากดวลดาบระหว่างพอลกับเฟยด์ในช่วงท้าย ให้ชวนตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง

ว่าแต่ฉากดวลดาบช่วงสุดท้ายชวนให้นึกถึงฉากอัศวินดวลดาบในโบสถ์ของหนัง Ladyhawke (1985) เลยแฮะ วิถีแห่งศักดิ์ศรีอัศวินสุดๆ

ภาพยนตร์ผ่านเกณฑ์มั้ย?

พูดถึงตัวงานภาพยนตร์กันบ้าง เรียกได้ว่าดัดแปลงออกมาได้ดูไหลลื่นไม่เนือยเกินไป และไม่แปลกใจที่แบ่งเป็นสองภาค เพราะถ้ายัดทุกอย่างมาในภาคเดียวจะกลายเป็นเร่งเล่าแทนจนคนดูไม่อินไปเสียดื้อ ๆ ได้ เป็นงานของผู้กำกับ Denis Villeneuve ที่ดูเพลินกว่า Blade Runner 2049 (BR ก็เนิบเกิน เส้นเรื่องหลักขยับกระจึ๋งนึง ให้คนดูเน้นจิบบรรยากาศแสงสีและงานภาพแทน) ถือว่าสามารถปรับบทหนังสือ Dune ให้ดูสนุกในสไตล์ของภาพยนตร์ได้ ขอให้ตัวหนังที่กำลังจะเข้าโรงและดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันอย่าง Where the Crawdads Sing(รีวิวนิยาย คลิก) เดินตามรอยนี้บ้างนะ

แอบยังฮาข่าวที่น้อง Anya Taylor-Joy มางานปฐมทัศน์ โดยไม่เปิดเผยว่าเล่นบทอะไร แค่บอกว่าเป็นตัวละครที่มีความสำคัญต่อจักรวาล Dune แหมมม บทผู้หญิงลักษณะประมาณนี้แถมถึงกับแคสต์ Anya มาเล่นให้ ในหนังสือมันก็เข้าล็อคแค่คนเดียวแล้วล่ะที่ยังไม่เปิดเผยชื่ออ่านะ 🤣🤣🤣🤣

ด้านดนตรีประกอบ (OST)

OST (ดนตรีประกอบ)ในเรื่อง เราไม่ติดนะ แค่ตัวดนตรีมันเป็นแนวเติมบรรยากาศ (Ambient) ค้ำจุนระหว่างดูมากกว่าฟังเดี่ยวๆ เหมาะเอาไปใส่เติมเต็มในหนังมากกว่า เพราะพอหยิบอัลบั้มมาฟังเดี่ยวๆ ฟังโดดๆ นี่เตรียมโดนสะกดจิตในท่อน ง้ากกก ได้เลย 🤣🤣🤣 ฟังไปรู้สึกคอแห้งไปอีกต่างหาก ถือว่าทำเพลงได้ตอบโจทย์ความทะเลทรายตามท้องเรื่องมาก

ใน Soundtrack ของ Part 2 ภาพรวมฟังง่ายขึ้นกว่าภาค 1 นะ ภาคแรกออกไปทางสะกดจิตฟังแล้วเมาเครื่องเทศ 5555 ดนตรีมีการใช้ Synthesizer หนาๆ ชวนให้นึกถึงงาน Blade Runner(1982) ยุคที่ Vangelis ประพันธ์เลยแฮะ และจะมีเมโลดี้หลักตัวเครื่องเป่าที่สอดแทรกมาในหลายๆ แทร็คเช่นในแทร็ค

  • Beginnings are such Delicate Times
  • A Time of Quiet Between the Storms
  • Only I will Remain

คลิปบอกเล่าเบื้องหลังการทำดนตรีประกอบ (สกอร์) ในภาพยนตร์ชุด Dune ภาค 1 | ภาค 2

สรุปรีวิวนิยาย Dune เล่ม 1 สำหรับเรา

รู้สึกดีกับตัวหนังมากกว่าตัวหนังสือ เห็นว่าดัดแปลงให้มันดูสนุกมากขึ้นในแบบฉบับจอเงินด้วย (เข้าใจได้ว่าถ้าดัดแปลงจากนิยายมาแบบหมัดต่อหมัด มันต้องมีจุดแห้งๆ เวลานั่งดูที่ไม่เหมือนนั่งอ่านด้วยล่ะ) ส่วนหนังสือมหากาพย์ชุดนี้นี่เราคงต้องขอลาจริงๆ คงไม่ได้อ่านเล่มที่สองต่อ (Dune: Messiah) ไม่ใช่ทางเราเลย ใครที่ชอบก็ชอบแหละแต่เราคงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายแม้จะมีคนปลอบใจว่าเล่มถัดๆ มามันแก้มือจากเล่มหนึ่งแล้วก็ตามที~ แต่แฟนๆ บางเสียงก็บอกว่าเล่มหลังๆ มันกาวทะลุโลกแถมเปลี่ยนอะไรที่เคยวางไว้ในเล่มแรกฉบับล้างกระดานใหม่หมด ใครอยากรู้ว่าจ้อจี้หรือเรื่องจริงก็ต้องไปตามอ่านกันเอาล่ะนะ ตัวอย่างเช่นคลิปข้างล่างนี้

แฟนหนังสือท่านอื่นแนะนำว่าควรอ่านนิยายชุดนี้ไหม?

แฟนนิยาย:เล่ม 1 คือ A Must ยังไงเอ็งก็ต้องอ่าน ! เล่มสอง (Messiah) ก็ดีนะ… มันพลิกสิ่งที่เข้าใจในเล่มแรกใหม่หมด เล่ม 3 (Children of Dune) งืออ.. น่าเบื่ออ่ะ เล่ม 4 (God Emperor of Dune) โว้วว แม่มเหมือนพายุทรายผสมโก้โก้ครันช์แล้วก็ ตู๊มม (Heretics of Dune) เล่ม 5 เอ่อ มีฉากแปลกๆ เช่น beefswelling …

เพื่อน: อะไรคือ beefswelling มันเป็นคำศัพท์ด้วยเรอะฟะ !?

แฟนนิยาย: อ่า มันเป็นการเสกคำใหม่เพื่ออธิบายฉากวู้ฮู้.. เอิ่ม… ไม่ต้องบอกเค้าก็ได้มั้ง

เพื่อน: แล้วสรุปคือ…ชั้นควรต้องอ่านมั้ยนะ ? …

😂😂😂😂😂😂😂

คลิป: เมื่อแฟนหนังสือ Dune จะแนะนำหนังสือให้เพื่อน

ส่วนใครที่มีบัญชี letterboxd, goodreads มาตามฟอลกันได้ใน About Me


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

📚 รีวิว The Stormlight Archive เล่ม 1 Way of Kings การลุกขึ้นของมือหอกยอดนักบุญ
📚 The School for Good and Evil รีวิวนิยายยำยำเหล่านิทานฉบับไตรภาคแรก [เล่ม 1-3][คลุมสปอย]
🎬 รีวิวหนังฉบับสั้น: All The Bright Places/Hustle/TheSchoolForGoodAndEvil/Disobedience
🎬 รีวิวหนังกีฬาฉบับสั้น: Operation Flagrant Foul/Air/Moneyball
🎬 [รีวิวสั้น] หนังเพลงเก๋าๆ: Footloose/Flashdance/Grease
📚 รีวิวหนังสือ Dune มีอยู่บน goodreads ด้วยเช่นกัน
📚 อ่านรีวิวฉบับสั้นเล่มอื่น ๆ: https://gleegmjournal.com/category/review/book/

🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📺 รีวิว Anime อนิเมะ |🎧 รีวิว Music ดนตรี | 🎬 รีวิว Film Series หนัง ซีรีส์
📊 Data Analytics – Tech | สารพันวงการ Data และเรื่อง Techๆ | 🪴 สารบัญรีวิวทุกประเภท All Reviews

Loading

GleeGM

My journal on personal life and interests including Data Analytics 📈, Books 📚, Music 🎶, Basketball 🏀, Figure Skating ⛸, Anime, Film 📺, Tarot, Lenormand, Uranian Astrology🔮

You may also like...