รีวิว อนิเม Vampire in the Garden ตำนานแวมไพร์ในสวนไพรที่ถ้าไม่ว่างก็ข้ามได้

vampire in the garden poster
ใบปิด Vampire in the Garden

รีวิว Vampire in the Garden

รอบก่อนรีวิวอนิเมะ Tsuki to Laika to Nosferatu แนวมนุษย์กับแวมไพร์ร่วมมือเดินทางไปอวกาศ รอบนี้มาแนวแวมไพร์กับมนุษย์เดินทางไปสวนสวรรค์(พิมพ์ไม่ผิด) 5555 นั่นคือเรื่อง Vampire in the Garden หรือแวมไพร์ในสวนไพร ออริจินัลอนิเมของแพลทฟอร์ม Netflix จำนวน 5 ตอนจบ ธีม Dark Fantasy เนื้อเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์ นำทัพการผลิตโดยค่าย WIT Studio คนดีคนเดิม

เนื้อเรื่องย่อ

ชีวิตอันปกติสุขของมนุษยชาติได้สิ้นสุดลงเมื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์ปรากฏตัวออกมา รุกรานชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ถูกสังหาร ถูกฉกฉวยวัฒนธรรมศิลปะการดนตรีต่างๆ ไล่ต้อนให้เอาตัวรอดและไปตั้งหลักตั้งรับในปราการที่รายล้อมด้วยดวงไฟสีเขียวส่องสว่างที่จะช่วยปกป้องพวกเค้าจากความมืดมิดที่แวมไพร์เข้ามาย่างกรายได้ โมโมะ เด็กสาว ไร้เดียงสาที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางการต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ได้พานกับกับ ฟีเน่ ราชินีแวมไพร์ผู้มีปมในอดีตทำให้เธอเลิกกินเลือดของมนุษย์มาเป็นเวลานานจนร่างกายเริ่มโรยรา นี่คือเรื่องราวการเดินทางของต่างสองเผ่าพันธุ์ที่มีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือการเดินทางสู่งสรวงสวรรค์ เอเดน ดินแดนที่แวมไพร์และมนุษย์อยู่ร่วมกัน



ความรู้สึกหลังดูจบ

ฮือออ มันไม่สนุกเลย 😭 ข้ามได้ข้าม ถ้าใครไม่ซีเรียส อยากจะหาไรดูผ่านๆ ขำๆ คิวไม่เยอะ สามารถดูได้แต่ถ้าใครคาดหวังว่าคุณภาพจะน้ำดีหรือถึงขั้นแนะนำให้ดูต่อ เราไม่แนะนำเท่าไหร่เพราะอย่างแรก พล๊อตและองค์ประกอบที่ใช้ในเรื่องเป็นสิ่งที่นำจากหลาย ๆ เรื่องมาประกอบกันและดันประกอบกันได้ไม่กลมกล่อม แข็งทื่อเกินไป ปม, เซตติ้งหลายๆ อย่างที่แทรกเข้ามาสามารถขยี้ให้ถึงลูกถึงคนได้แต่ก็ถูกนำมาเล่าอย่างผิวเผินเลยผ่านเลย เช่นประเด็นที่น่าสนใจอย่าง วัฒนธรรมดนตรีที่สูญหายจากมนุษย์และตกทอดไปอยู่กับฝั่งแวมไพร์แทน ทำให้ตัวเรื่องมีการใช้ดนตรีมาเป็นตัวเดินเรื่องเคียงข้างอยู่บ้าง เช่น ฉากที่ฟีเน่ดีด Honky Tonk ให้โมโมะฟัง แต่ก็นำเสนอพอเป็นพิธีไม่ได้ขยี้อะไรมาก ถึงจะเข้าใจได้ว่าเวลาฉายไม่มีให้เล่าเยอะ หลายๆ ปมของเรื่องจึงเล่าแค่ขั้นต้น ส่วนที่เหลือคนดูต้องไปคิดต่อยอดและประกอบในหัวเอาต่อเองว่าที่มาเป็นอย่างไร ทว่าความยาว 5 ตอนนั้นใกล้เคียงกับภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์บางเรื่อง แม้ไม่ได้อธิบายเซตติ้งอย่างลงลึกแต่เขายังสามารถนำเสนอออกมาได้ดี เล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด คนดูอินกับปม ในขณะที่เรื่องนี้ คนดูคงมีความรู้สึกเอะใจไปตลอดกับจังหวะเล่าเรื่องตลอดทางแต่ก็ยอมไหลๆ ตามน้ำไปจนถึงท้ายที่สุด

vampire in the garden screenshot
วัฒนธรรมดนตรีที่สูญหายจากมนุษย์ไปเป็นที่เรียบร้อย


จังหวะเดินเรื่องดูตามสูตรรึลงล็อคพอดีจนละค๊อน ละคร การกระทำของตัวละครบางครั้ง เช่น โมโมะ เราเข้าใจได้ว่าเธอเป็นเด็กที่ความคิดความอ่านบางอย่างก็ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองอันลึกซึ้งแต่บางสิ่งที่เธอคิดมันช่างไหลง่ายดื้อๆ บางฉากตัวละครเหมือนติดสกิล Luck บทจะรอดก็รอด บทจะยอมก็ยอม คิวบู๊เองก็เก้ๆ กังๆ ไม่หวือหวาหรือชวนตื่นเต้นและจากเราได้พิมพ์ไว้ด้านบนว่ามันมีองค์ประกอบของหลายๆ เรื่องมาใส่ จึงไม่ยากต่อคนดูนักสำหรับการคาดเดาทิศทางถัดไปของเรื่อง

ความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักที่ควรจะต้องชูให้พวกเธอสองคนเด่นหรือใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ให้คนดูรู้สึกเข้าถึงความผูกพันของทั้งสองแต่ทุกอย่างเป็นเหมือนนักแสดงที่ได้บทมาให้เข้าฉากแล้วเล่นให้จบๆ ไป เราไม่ได้รู้สึกว่าสองคนนี้ดูผ่านร้อนผ่านหนาวกันเป็นพิเศษ (แม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีบทที่ทั้งสองคนต้องฝ่าฟันเดินทางวิบากข้ามน้ำข้ามภูเขาก็ตามที) จะมีจังหวะที่ทั้งสองคนได้ Deep Talk จริงๆจังๆ มันก็ถูกเล่าผ่านว่ามีคุยกันบ้างแต่ไม่ลึกซึ้งหรือมีมิติชั้นเชิงเสียเท่าใด ดังนั้นเมื่อถึงซีนพีคอารมณ์ มันก็ไม่ทำให้คนดูรู้สึกกดดันตามไปด้วย

vampire in the garden screenshot
เมื่อมนุษย์ถูกปีศาจดูดเลือดรุกรานอิสรภาพ

การเดินเรื่องมีจุดสำคัญๆ ที่ทีมงานเขียนไว้แล้วว่าต้องเกิดอะไรขึ้นบ้างเป็นจุดเหตุการณ์ใหญ่ 1-2-3-4 แต่จากเหตุการณ์ใหญ่จุดนึงจะไปอีกจุดนึง มันถูกเรียบเรียงเป็นเส้นตรงเรียบง่าย มีคำถามให้ชวน เอ๊ะ แบบนี้ก็ได้เหรอ บางจุดเข้าล็อคง่ายเกินไป ไม่ชวนให้ลุ้นเยี่ยวเหนียว ยันถึงตอนจบ ทุกอย่างปิดสรุปให้สอดคล้องตามชื่อ “แวมไพร์ในสวน” เนื้อเรื่องเดินมาครบเหตุการณ์ใหญ่ๆ ทั้งหมดแต่การดำเนินเรื่องช่างไม่มีชีวิตชีวาเลย

งานภาพ

หากใครเปิดดูแล้วให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลานึกว่าดูนารูโตะอยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะ Tetsuya Nishio (Boruto, The Sky Crawlers) มาเป็น Character Designer ให้ที่แปลกใจคืองานภาพไม่ได้เด่นมาก ทั้งๆ ที่ปกติงานของ Wit Studio จะเนี๊ยบกว่านี้แต่เรื่องนี้ ภาพก็ทำออกมาได้ธรรมดากว่าที่คาดคิดไว้ แม้กระทั่งใบปิดของเรื่องที่น่าจะออกแบบและจัดวางให้ดูชวนดึงดูดกว่านี้ได้



ตัวเพลงงานเพลงงานดนตรีประกอบ (OST)

กลิ่นอายของเรื่องนี้มีความย้อนยุคเบาๆ คุณแวมไพร์ในเซตติ้งแกรนด์ๆ ตัวเพลงอิงดนตรียุคเก่าๆ ราวกับหลุดมาจากยุคบาโรก มีดนตรีพวก Organ, Honky-Tonk ด้วยความที่เซตติ้งเป็นผีดูดเลือด ตัวเพลงต้องมีเพลงที่มีบรรยากาศระทึกขวัญด้วยสิน่า เรื่องนี้ฟังไปบางเพลงก็สะดุ้งไป 5555 โทนของมันคล้ายๆ ซาวด์แทร็คอนิเม Blood+ ที่ Mark Mancina มาทำให้น่ะแหละ โดยรวมของอัลบั้ม มันก็ไม่ใช่ทางเราเท่าไหร่ ซาวด์น่ากลัวง่า 5555 แต่ยังมีบางเพลงที่ฟังแล้วสะดุดหูเป็นพิเศษเช่น Peat Boat to Paradise ที่ให้ความรู้สึกหนังโรงถ้าได้ฟังเพลงนี้ในโรงน่าจะสั่นไปทั้งเก้าอี้ แฮ่

ฟังเพลง Original Soundtrack ทำลิสต์โดย AniPlaylist

โมโมะกับเส้นทางที่ต้องเดินหน้าต่อ

คะแนน (4/10)

สรุป รีวิว Vampire in the Garden

เป็นเรื่องที่ดูขำๆ ได้ ถ้าไม่ซีเรียสกับเนื้อเรื่องมาก ช่วงต้นปูเนื้อเรื่องและเซตติ้งไว้น่าสนใจแต่การดำเนินเรื่องหรือจังหวะการเล่าช่างตะกุกตะกักและเต็มไปด้วยคำถามตลอดทางที่ดู ทีแรกนึกว่าจะมองข้ามได้แต่มันกลับชวนสะดุดอารมณ์ในการดูไปหมดแทน การเดินเรื่องที่ค่อนข้างไร้สีสัน คิวบู๊เกร็งๆ ใครคาดหวังว่าเรื่องนี้จะทำออกมาได้ปังปุหรือถ้ามีคิวธุระจะไปต้องดูเรื่องอื่นก่อน เรื่องนี้สามารถข้ามหรือจัดไว้ดูทีหลังได้ไม่ต้องรีบ

หาดูเรื่องนี้ได้จากไหน ?

หาดูได้ใน Netflix


บทความอื่นๆ

🔑 รีวิว Uchuu Senkan Yamato 2202, 2205 รวมสองภาค Space Opera สุดปังที่ขาดสเน่ห์ภาคแรกไปเสียแล้ว

🔑 รีวิวอนิเม Tsuki to Laika to Nosferatu ส่งคนไปอวกาศมันธรรมดาไป ส่งแวมไพร์ไปดีกว่า

🔑 รีวิว อนิเม Wonder Egg Priority คอนเซปต์สภาวะจิตอันทะเยอทะยานท้าทายที่สุดท้ายก็ล้มไม่ลุก

🔑 Medalist มังงะฟิกเกอร์สเก็ตเรื่องล่าสุดแห่งปี 2020 รอคอยเซตติ้งแบบนี้มานานแล้ว !

🔑 ติดตามรีวิวอนิเมะอื่น ๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/anime/

🔑 Find me in: Anilist | MyAnimeList

🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📖 รีวิวBook หนังสือ |🎧 รีวิว Music ดนตรี



รีวิว yamato 2202 2205

Loading

GleeGM

My journal on personal life and interests including Data Analytics 📈, Books 📚, Music 🎶, Basketball 🏀, Figure Skating ⛸, Anime, Film 📺, Tarot, Lenormand, Uranian Astrology🔮

You may also like...