บันทึกคอนเสิร์ต Disney 100th Anniversary Orchestra: The Sound of Magic+วิธีเดินทางไปมหิดลสิทธาคาร

คอนเสิร์ต disney the sound of magic

ภายในหอประชุมระหว่างรอเริ่มการแสดง

และแล้วก็ได้ไปชมคอนเสิร์ตดุริยางค์ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคารอย่างงานครบรอบค่ายภาพยนตร์

Celebrating 100 Years of the Walt Disney Company — Disney In Concert: The Sound of Magic

คอนเสิร์ตดุริยางค์ที่บัตรขายเกลี้ยงกันอย่างไวว่อง งานนี้เป็นของผู้จัด 54 Entertainment ร่วมกับวงดุริยางค์ Thailand Philharmonic Orchestra โดยตัวงานประกาศช่วงเดือน ต.ค.66 นั่นคือมีเวลาให้เตรียมตัว 2 เดือนก่อนการแสดงในธ.ค. 66 และกดซื้อตัวผ่านทางเว็บไซต์ eventpop

เดี๋ยวเราพาไปดูวิธีการเดินทางและเนื้อหางานข้างในกัน

disney 100th seating chart
ผังที่นั่ง ซึ่งจะเปลี่ยนเฉดสีและลายให้เข้ากับธีมงานแต่ละครั้ง

วิธีการเดินทางไปมหิดลสิทธาคารแบบสาธารณะ

salaya link bus
ปะ ขึ้นรถไปนครปฐมเมืองดนตรีกัลลลล

ใครไม่ขับรถส่วนตัว วิธีที่ง่ายที่สุดแบบสั้นๆกระชับคือ

ไป BTS บางหว้าทางออกที่ 2 ฝั่งถนนไปเส้นบรมราชชนนีที่ตรงนั้นจะมีแท็กซี่จอดรอเยอะๆกับเวิ้งป้ายรถเมล์ แล้วรถบัสพิเศษของมหิดล Salaya Link (มีเฉพาะวันงานเท่านั้น ให้ดีเช็คกับผู้จัดงานนั้นๆว่าวิ่งวันไหนบ้าง) จะมารับคุณในช่วง 12:30, 13:00, 13:30 นั่งในรถใช้เวลาราว ๆ ชั่วโมงได้

ค่าโดยสาร 30 บาท ถ้าจ่ายเงินสดก็เตรียมให้พอดีเพราะคนขับไม่มีทอนต้องหยอดลงกล่องไม่งั้นสแกน QR เอาก็ได้

โดยขากลับหลังเลิกงาน รถสี่คันจะรอคุณราว 15 นาทีก่อนออกไปส่งที่ BTS บางหว้าเช่นเดิม เท่ากับว่าหากใครจะกลับกับรถก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ(ที่คนเยอะชัวร์ๆ) หลังงานจบ ดังนั้นพวกบรรยากาศงาน ฉาก Backdrop ต่อคิวถ่ายตั้งแต่ขามาจะดีกว่าไม่งั้นอาจจะเสี่ยงตกรถ และการกลับไวอาจทำให้อดถ่ายรูปคู่กับคุณวาทยากรและนักร้องที่มารอหลังงานไปโดยปริยายด้วย

สำหรับรายละเอียดการเดินทางแบบเต็มๆ อ่านได้ในโพสนี้ของผู้จัด

เข้าสู่ช่วงเรื่อยเปื่อยของเรา อ่ะแต่วันนั้นรถไฟฟ้าสายสีลมมันเสียจ้าาา ตอนนั้นราวบ่ายโมงรถไฟฟ้าจอดแช่อยู่พักนึง จนเราเริ่มเห็นผู้โดยสารบางคนเดินออก ก็เริ่มเห็นเค้าลางละว่ามันน่าจะติดขัดมาก่อนเราเดินเข้ามาก่อนหน้านี้หลายสถานี เค้าถึงได้ถอดใจเดินออกหลายคน ด้วยความเข็ดหลาบว่าเคยค้างเติ่งอยู่ในนี้นานมาก คำนวณเวลาแล้วเอาล่ะ ท่าไม่ดีเรียกวินดิ่งไป BTS บางหว้ามันซะเลย ขึ้นสะพานตรงฝั่งธนขึ้นแล้วลงเล่า ลมตบหน้าไปๆมาๆ แล้วก็มาถึงป้ายรถเมล์ทันเวลา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันใช่ป้ายรถเมล์นี้มั้ยที่เป็นทางออก 2 แต่มันคือเส้นไปถนนบรมนะ ระหว่างที่กำลังจะเช็ค Maps ดีๆว่าถูกทางออกรึเปล่า อ่ะเจอคนที่รอที่ป้ายรถเมล์คอสเพลย์เป็นตัวละครดิสนีย์ โอเค ถูกจุดชัวร์ 5555 ไม่มีทางพลาด ! และแล้วรถก็มาจริงๆ



เมื่อคุณต้องร้อยเรียงบทเพลงของค่ายหนังที่มีผลงาน 100 ปีให้ได้ใน 2 ชั่วโมง มันก็คงจะประมาณนี้ ตอบโจทย์จุดประสงค์งาน เสียงสเตอริโอเหมือนกินแผ่นดี

การแสดง

การแสดงมีสององค์ด้วยกันคือครึ่งแรกและครึ่งหลัง ซึ่งหนังของค่ายนี้มันมีเยอะ+เวลาเล่นแค่สองชั่วโมง วงคงตีโจทย์ด้วยการจับมันมาเมดเลย์ให้เข้าเป็นธีมๆไปซะเลย แทนที่จะเลือกบรรเลงเป็นแทร็คโดดๆไป โดยครึ่งแรกวงจะเน้น เพลงร้องเมนธีม (Vocal Track) ลายเซ็นประจำหนัง ที่ชอบเปิดกลางเรื่อง ได้ยินอินโทรต้องอ๋อ ส่วนครึ่งหลักจะเน้นไปดนตรีบรรเลงประกอบหนัง (Film Score) เรียกว่าสมดุลมันสำหรับแฟนๆที่อยากได้เพลงสองรูปแบบ

ครึ่งแรกให้เราเปรียบเปรยด้วยการตีความจากพลังมโนของเราล้วนๆ มันประมาณว่าคุณไปสวนสนุก Tokyo Disneyland กล่าวคือ มีการเปิดตัวด้วยอินโทรไตเติ้ลหนังดาววิ่งผ่านปราสาทแสนคุ้นหูที่ต้องเจอทุกเรื่อง+ฉากมิกกี้เมาส์ผิวปากหมุนพวงมาลัยเรือ ประหนึ่งว่าพร้อมเสพความบันเทิงนี้แล้วหรือยัง จากนั้นจึงพาคุณเข้าสู่ความสนุก มาเร้ววว มาเล่นกัน ตั้งแต่แทร็ค Down to the Rabbit Hole จาก Alice in the Wonderland พาไปสวนสนุกธีมบนดิน เข้าป่า ความร่าเริง แทร็คแนวป่า สนุกสนาน Tarzan, The Jungle Book, Aladdin มาผสมโรงกันตรงนี้ โดยวงดุริยางค์เล่นผสานกับคลิป VTR ด้านหลัง จะไปล่องใต้น้ำ (The Little Mermaid, Moana, Raya) พาเข้าบ้านหิมะ (Frozen นี่นางได้แอร์ไทม์เป็นเมดเลย์สามเพลงของหนังชุดนี้ไปเต็มๆเลย 😂😂) นอกนั้นประปราย Main Theme เพลงร้องที่เรา ๆ คุ้นหูกันเฉกเช่น Beauty and the Beast, Part of Your World (The Little Mermaid), Almost There (Princess & The Frog)

Freytag’s Pyramid แม่แบบการเล่าเรื่อง

ในครึ่งหลัง วงตีโจทย์โดยให้คนดูได้รับประสบการณ์เหมือนชมภาพยนตร์มากขึ้น โดยใช้ Storytelling Structure คือเวลาเรียนเรื่องงานเขียนหรือการใช้ Storytelling เค้าจะใช้แม่แบบสุดฮิตตัวหนึ่งชื่อว่า Freytag’s Pyramid นั่นคือสูตร “Exposition – Rising action – Climax – Falling action – Resolution” คือในการจะแต่งเรื่องๆนึง มันต้องมีการเปิดม่าน เปิดตัวแนะนำเรื่องราว แนะนำตัวละคร → เจอเหตุการณ์บางอย่างซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง ความสิ้นหวัง → การลุกขึ้นสู้ ต้องมีแจกขนมตุบตับ ไคลแมกซ์บวกแม่ม → เหตุการณ์ค่อยๆคลี่คลาย การลาจาก → ปิดม่านจบเรื่องอย่างสวยงาม

องค์นี้เดินเรื่องแบบนั้นแต่จับมาเมดเลย์หมด เพลงไหนผ่านการคัดเลือก เข้าธีมตรงนี้ก็เอาเลย วงน่าจะต้องคัดเพลงเอาเข้าเอาออกแบบเหงื่อตกแหละ โดยเพลงครึ่งหลังออกมาทางดนตรีบรรเลงประกอบหนังจ๋าๆแล้ว ไม่ใช่ Main Theme ของหนังที่มาจากคนร้องอย่างในครึ่งแรก ใครคุ้นก็คุ้น ใครไม่คุ้นก็ไม่คุ้น (มีแทรกเพลงธีมคุ้นหูในช่วงนี้บ้างเช่น Circle of Life, A Whole New World, Go The Distance, God Help The Outcasts) สำหรับเราที่ไม่ได้ไล่ฟังสกอร์ก็ไม่คุ้นหรอก เน้นจอยๆ แต่คุ้นหูตรงช่วงคณะประสานเสียง “ห่าฮ๊าฮา ห่าฮ๊าฮา” จากแทร็ค The Bells of Notre Dame ที่โผล่มาห้าวิซึ่งจังหวะนั้นคลิปก็ตัดเป็นตัวร้ายจาก The Hunchback พอดีและคิดว่าน่าจะมีอีกหลายๆเรื่อง แซวๆว่าถ้าใครเมนนักประพันธ์ Alan Menken นี่น่าจะได้แต้มบุญไปเต็มๆ เพราะในช่วงหนึ่ง แกได้ทำเพลงให้หนังดิสนีย์ยุค 2D ยุคเรืองรองไปถึง 6 เรื่อง 55555 ช่วง 3D หรืองาน Live Action แกก็ยังได้จับนะ เหมือนเป็นคู่บุญของค่ายดิสนีย์ไปแล้ว ก็นับว่าจับเมโลดี้สำคัญๆของหนังบางตัวมายำได้สำเร็จ และปิดจบการแสดงด้วยการบรรเลงเพลงคู่กับการร้องสดเพลง When You Wish Upon a Star โดยคุณแนน สาธิดา เพลงที่จะบอกว่าเป็น Main Theme ของค่ายนี้เลยก็ได้เพราะเป็นเมโลดี้ที่ใช้ในอินโทรก่อนหนังเริ่มฉายของค่ายด้วย

คุณภาพเสียงในหอประชุม

ความคิดแว๊บแรกหลังจากฟังไปได้สักนาทีนึง โอ้ เสียงเหมือนหลุดมาจากแผ่นเครื่องเสียงเลยแฮะ สเตอริโอครบมิติดี ซึ่งบางทีเค้าก็เปิดเสียงจากหนังจริงๆ บางจังหวะแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงนักร้อง/ดนตรีจากในคลิปหรือจากวง เพราะมันมีบางจังหวะที่ เอ่ห์ มาจากคลิป VTR นี่นา 5555 จังหวะบิ๊วมีบิ๊วไคลแมกซ์เพลงแล้วรู้สึก Eargasm ฟินจัง ๆ ไปสักสองครั้ง นอกนั้นวงเลือกบรรเลงด้วยฟีลไหลลื่นฟังระรื่นหูมากกว่าจะอัดให้ฟังแล้วบิ๊วจนล้าหูมันไปซะทุกช่วง 55555



คลิป VTR

อยากชมทีมตัดต่อวิดีโอนะ เพราะน่าจะตัดต่อจนเมื่อยหลัง ตาแฉะ ตัดรวมผลงานเก่าๆ ยุคแรกเริ่ม เรื่องดัง/ไม่ดัง ผสมมาได้หมดเลย ผสานกับคลิปสัมภาษณ์ของตัว Walt Disney เองด้วย รู้สึกว่าทำการบ้านมาเยอะ แถมคงนัดคิวกับวงเยอะด้วยเพราะข้างหลังกับการบรรเลงดนตรีมันต้องไปด้วยกัน ฉากฟ้าผ่าก็ต้องดนตรีตุ้งแช่ทีนึง การเล่นธีมของเรื่องๆ นั้นมันก็ต้องตัดให้พอดีฉากของเรื่องนั้นๆ ที่สำคัญคือซับแปลได้สละสลวย อย่างน้อยถึงเพลงไม่มา ภาพต้องมาแล้วแน่ๆ หนึ่ง 55555 แต่เรานั่งอยู่กลางๆหอประชุม (Magic Seat ตรง Level 1) เลยรู้สึกว่าจอมันเล็กไม่ค่อยเฟรนด์ลี่เท่าไหร่ รู้สึกต้องเพ่ง ตอนหลังเลยไม่ได้อ่านซับเท่าไหร่แล้ว ปวดตา รึเราเริ่มแก่แล้ว ฮื้ออออ 55555

จุดที่น่าปรับปรุงได้

1. ระยะเวลาการแสดง ดูจากโจทย์ของงาน เราว่ามันมีอะไรให้เล่นเยอะเล่นอัดได้จุใจกว่าสองชั่วโมงแน่ๆ ไหนๆ ก็งานครบรอบร้อยปี แต่ก็คงมีปัจจัยหลายๆ อย่างเบื้องหลังที่ฝั่งคนดูคงไม่เห็น มันเลยอาจถูกจำกัดมาให้แสดงภายในสองชั่วโมง

ดังนั้นสำหรับเรา ในการตีโจทย์งานที่เวลาแสดงเพียงสองชั่วโมง และพยายามครอบคลุมเนื้องานในส่วนเพลงร้องและเพลงบรรเลง ถือว่าสอบผ่านล่ะ แต่มันก็เป็นจุดที่หากใครตั้งความคาดหวังอยากมาได้เพลงร้อง Main Theme คุ้นหู อิ่มหนำสำราญฟังแล้วจุใจก็คงไม่โดนใจกับครึ่งหลัง ใครที่อยากมาเสพงานเพลงบรรเลงจ๋าๆ ก็อาจชอบครึ่งหลังมากกว่า รวมถึงมีอีกหลายเพลงเด่นๆ ที่ไม่ได้มาออกโรงอีกเพียบ (ก็มันมีเวลาแสดงแค่นี้ด้วยนี่นะ) มันก็เลยเหมือนงานที่ว่าจะเต็มอิ่มก็ไม่อิ่มขนาดนั้นเสียทีเดียว

2. สูจิบัตร ทางงานน่าจะมีแจกเอกสารซะหน่อยว่า Playlist ในงานบรรเลงเพลงอะไรไปบ้าง จะได้มาตามหาฟังกันต่อได้ อันนี้ผ่านมาแล้วผ่านไปมากมาย มีแค่ตั๋วกระดาษแข็งที่เป็นที่ระลึก

หน้าตาตั๋วกระดาษแข็ง

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

🎬 [รีวิวสั้น] หนังเพลงเก๋าๆ: Footloose/Flashdance/Grease

🪜 รีวิว West Side Story The Musical ละครเวทีที่พร๊อพจะแย่งซีนเกินไปแล้วนะ

🎧 บล็อกหัวข้อ เราฟังเราแนะนำ โดย GleeGMJournal

🌠 บันทึกคอนเสิร์ต GARNiDELiA 2023 คอนเสิร์ต Anisong ในไทยของเราในรอบ 8 ปี !

🎹 บันทึกคอนเสิร์ต David Foster & Friends Bangkok 2023 ตัวเก๋า ตัวพ่อ และผองเพื่อน

🌙 รีวิว Luna The Musical วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าไปเจอเสียงเพลง @ Emquartier

🔑 ติดตามบล็อกประสบการณ์ดนตรีและเสียงเพลงอื่นๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/music-talk/

🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📖 รีวิวBook หนังสือ |🎧 รีวิว Music ดนตรี | 🎬 รีวิว Film Series หนัง ซีรีส์

📊 Data Analytics – Tech | สารพันวงการ Data และเรื่อง Techๆ | 🪴 สารบัญรีวิวทุกประเภท All Reviews

คอนเสิร์ต disney the sound of magic

Loading

GleeGM

My journal on personal life and interests including Data Analytics 📈, Books 📚, Music 🎶, Basketball 🏀, Figure Skating ⛸, Anime, Film 📺, Tarot, Lenormand, Uranian Astrology🔮

You may also like...