Yamato 2199 รีวิวอนิเมะอวกาศรีเมคยุค 70s-80s ที่ควรค่าแก่การดู
เป็นบทความที่เคยเขียนทิ้งไว้บนเว็บนึงเมื่อเนิ่นนานแล้วสมัยอนิเมะรีเมคตัวนี้ออกใหม่ ๆ ซึ่งทุกครั้งเวลาไปที่ Social Platform ใด ๆ และมีคนถามถึงอนิเมในดวงใจ Uchuu Senkan Yamato 2199 (Space Battleship Yamato, Star Blazers, เรือรบอวกาศยามาโตะของวิบูลย์กิจ) ก็เป็นเรื่องแรกเสมอที่เราจะแนะนำให้คนอื่นรู้จัก จนคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องนำกลับมาเล่าใหม่ โดยบทความนี้จะเป็นการเกลาและอัพเดตเพิ่มเติมจากตอนเขียนครั้งแรก
Uchuu Senkan Yamato 2199 ออกฉายในปี 2012 ซึ่งในตอนที่เราเริ่มดูใหม่ ๆ ตอนนั้นเราเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับอนิเมประเภทตะลุยอวกาศ (Space Opera) นัก แต่เพราะคนแนะนำกันมาเยอะ เลยคิดว่าต้องลองยลบ้างซิ ถ้ากระแสรอบตัวมันจะดีขนาดนี้ อีกทั้งค้นพบว่าเพลง Opening ที่สองที่ฉายบน TV นั้นร้องโดย UVERworld อีกต่างหาก (เวอร์ชั่น Blu-ray ใช้เพลง OP1 ทั้งเรื่อง) อ่ะ ว่าแล้ว ช่วงนั้นเป็นวัยที่เลือกดูอนิเมเพราะเพลงประกอบด้วยสิ 555 จากเหตุผลหลาย ๆ ประการจึงตัดสินใจดูเรื่องนี้จนได้
คำเตือนที่1 เนื้อหาในบทความมีสปอยเล็กน้อย แต่ไม่ได้เยอะจนทำให้เสียอรรถรสในการชม
ถ้าพร้อมแล้วเราจะมาเริ่มกันเลย
สารบัญ
เกริ่น
เรือรบประจัญบานยามาโตะ 2199 (Uchuu Senkan Yamato 2199) เป็นรีเมคอนิเมะของปี 1974
ที่มีชื่อในลิขสิทธิ์ภาษาอังกฤษว่า Star Blazer ต้นฉบับเป็นมังงะโดยคุณ Matsumoto Leiji
หากใครเคยผ่านงานหนังสือผ่านบูธวิบูลย์กิจอาจจะคุ้นลายเส้นของอาจารย์คนนี้ เพราะสนพ.ก็เคยตีพิมพ์
กัปตันฮาร์ล๊อคของอาจารย์คนนี้อยู่นั่นเอง
เนื้อเรื่องและประเด็นที่สอดแทรก
เนื้อเรื่องตั้งต้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย
เริ่มด้วยว่า
โลกกำลังถูกรุกรานจากเผ่าต่างดาวที่ชื่อว่ากามิลัส
สภาพแวดล้อมของโลกค่อย ๆ ถูกทำลายจนมีการคาดคะเนว่ามนุษย์จะอยู่บนโลกได้อีกแค่ 1 ปี เท่านั้น
ต่อมา โลกได้รับการติดต่อจากเผ่า ๆ นึงที่ชื่อว่าอิสกันดาร์ในกาแล๊คซีแมกแจกแลนใหญ่ว่าพวกเธอมีอุปรณ์ที่จะสามารถทำให้โลกกลับมาสู่สภาพเดิมได้ แต่มนุษย์ต้องมาเอาด้วยตัวเอง ชาวโลกเลยรวมตัวขึ้นเรือเหาะยามาโตะ(ที่ได้พิมพ์เขียวเรือมาจากอิลกันดาร์นั่นแหละ) ออกเดินทางสู่กาแล๊กซี่ที่อยู่ห่างไกล และต้องนำอุปกรณ์กลับมาฟื้นฟูโลกให้ทันภายใน 1 ปีด้วย
สิ่งที่น่าชื่นชมคือเนื้อเรื่องย่อสั้น ๆ เรียบง่ายสามารถจัดแบ่งในสลอต 26 ตอนได้เป็นอย่างดี
โดยแต่ละตอนถูกแบ่งเนื้อหาโฟกัสไปที่แต่ละจุดได้อย่างละเมียดละไม
ไม่ใช่แค่ว่า 26 ตอนจะบอกเล่าเพียงเรือยามาโตะบินไปถึงดาวอิสกันดาร์ เจอเครื่องบินศัตรูก็ยิงทิ้ง แต่อนิเมะโฟกัสกระจายไปยังจุดต่างๆ สร้างมิติให้ตัวละครบนเรือ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์บนเรือ คนที่รับตำแหน่งต่างๆบนเรือ
เราได้รู้ถึงภูมิหลังของพวกเขาว่าที่มาของพวกเขาเป็นยังไง เขามีความสัมพันธ์และมุมมองแบบไหนบ้าง
ไม่ใช่แค่ว่าเค้าแค่มาอยู่บนเรือทำหน้าที่ของเค้า ด้วยการสร้างมิติตัวละครเหล่านี้ทำให้เรามีความรู้สึกสัมพันธ์กับต่อตัวละครในเรือ น่าอวยมันไปซะทุกคู่
ไม่เพียงแค่ตัวละครฝั่งพระเอก แต่ตัวละครฝั่งศัตรูก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่โผล่มาชื่ออะไรมีหน้าที่อะไร
พวกเค้าเองก็มีภูมิหลังเช่นกัน พวกเค้ามีครอบครัวที่ต้องกลับไปหา ต่างคนต่างมาทำหน้าที่รบเพราะพวกเค้าคือทหาร
ไม่ใช่แค่โฟกัสไปที่เรื่องราวของตัวละคร แต่บางตอนนั้นใส่ปรัชญามาในเรื่องเหมือนหนังไซไฟนอกกระแส
ที่ทำให้เราต้องมานั่งตีความคำพูดงง ๆ ในตอน ๆ นั้น หรือจะเป็นตอนติส ๆ เล่นกับจิตวิทยาของตัวละครที่ตัดสลับฉากไป ๆ มา ๆ ให้คนดูงงหรือหงุดหงิดเล่น ๆ ก็มีเช่นกัน
(ยกตัวอย่างที่คล้ายกัน จะมี Eureka 7 ตอนนึงที่พระเอกนางเอกหลงเข้าไป มีการตัดสลับฉากชวนสับสน และพระเอกเห็นตัวร้ายเป็นปลาฉลามนั่นแหละ) ซึ่งเอาจริงว่าในเวลานั้นไม่ค่อยชอบอะไรที่ดูยาก ๆ เท่าไหร่หรอก 555 แต่จนถึงตอนนี้เริ่มเห็นสเน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบนี้มากขึ้น โดยในเรื่องนี้ไม่ได้ซีนเล่าที่ติสแตกจนเคี้ยวยาก มันมีความพอดีในตัวมัน แถมยังทำให้เราเข้าใจถึงปมด้อยของตัวละครแต่ละคนอีกด้วย
ที่สำคัญคือการกระจายบท ในอนิเมที่มีตัวละครเยอะ การกระจายบทถือเป็นสิ่งสำคัญ จริงอยู่ที่เราไม่สามารถเกลี่ยบทให้เท่ากันได้ทุกตัวอยู่แล้ว เพราะบางตัวมีบทส่งผลต่อเรื่องเพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องยกมาให้มีแอร์ไทยพอ ๆ กับตัวหลัก แต่เรื่องนี้สามารถเกลี่ยได้ดี ทำให้รู้ว่าทุกคนมีความสำคัญต่อเรือยามาโตะ ต่างคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบต่างกันไป
ขนาดพระเอกเราอย่าง โคได สุสุมุ เป็นถึงพระเอกแต่เรื่องก็ไม่ได้เอียงน้ำหนักไปที่พระเอกเราจนมีซีนคนเดียวทั้งเรื่อง อนิเมะแค่ทำให้เห็นว่าเค้าคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของเรือ มีหน้าที่ ๆ ต้องทำ แต่ดูไปแล้วเราก็ไม่รู้สึกเลยว่าบทจะเกินหน้าเกินตาเพียงเพราะเป็นพระเอกเลย แน่นอนว่าบทตัวละครอื่นทำได้ดี ไม่ว่าจะฝ่ายแพทย์ กันต้นเรือ ต้นหน ฝ่ายช่าง หน่วยจู่โจม ทุกคนมีบทที่พอดีที่ทำให้เห็นว่าไม่มีตัวละครไหนน้อยหน้าไปกว่าใคร
จุดเด่นที่สำคัญของเรื่องนี้คือเนื้อหาที่เข้มข้น และการปรุงแต่งของเรื่องให้ออกมาครบรสและกลมกล่อมของตัวบทไม่ว่าจะเป็นฉากบู๊ เศร้า ตลก Uchuu Senkan Yamato 2199 ทำออกมาได้ดี อีกทั้งยังแฝงข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างโดยไม่รู้สึกถึงความยัดเยียดหรือสอดแทรกความเป็นสัญลักษณ์เกินไปจนทำให้เข้าถึงยาก
ยกตัวอย่างที่ประทับใจอีกจุดนั่น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่านี่เป็นการต่อสู้ของชาวโลกกับชาวกามิลัส
เผ่าต่างดาวที่มีอานานิคมที่กว้างใหญ่และมีแผนการจะยึดครองพื้นที่ไปอีกหลายๆกาแล๊คซี ก็ยังเป็นการต่อสู้ด้วยเกียรติของทหาร ยามขับขันที่พวกเค้าต้องเอาตัวรอดด้วยกันทั้งคู่พวกเค้ารู้จักที่จะพักรบเพื่อร่วมมือหาทางรอด หรือจะเป็นการต่อสู้อย่างมีเกียรติของฝ่ายใดฝ่ายนึงและเราต้องให้ความเคารพ
นอกจากนี้ ยามาโตะยังบอกเล่าถึงเกมการเมืองรวมถึงความแตกหักภายในกลุ่มเดียวกันถึงจะเป็นศัตรูที่มีอิทธิพลขนาดไหน
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถรักษาความสงบสุขได้ บัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้น ไม่ว่าใครก็อยากได้ การยึดครองดาวดวงอื่น ๆ มานานแสนนานไม่คิดหรือว่าดาวอื่นจะมาเอาคืนเพื่อทวงความเป็นเอกราชของตนคืน ? อาณานิคมที่ยิ่งใหญ่นี้ ชนเผ่าที่ประกอบไปด้วยชนเผ่าย่อยๆจะไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นงั้นหรือ ?
ไม่ใช่แค่ฝ่ายศัตรู เห็นฝั่งพระเอกเราจะมีเป้าหมายกู้โลกเหมือนกันก็ใช่ว่าพวกเค้าจะเห็นด้วยเหมือนกันร้อยเปอร์เซนต์
จำนวนคนมากมายในเรือไม่มีทางที่ทุกคนจะเห็นด้วยกับไอเดียหนึ่งๆ เพราะวิธีการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
บางกลุ่มคงคิดว่าวิธีนี้ดีกว่า อีกกลุ่มคิดว่าวิธีนี้ดีกว่า ถึงพวกเค้าจะมีเป้าหมายเดียวกันแต่วิธีการนั้นต่างกันออกไป
ในเรื่องจะเห็นได้ชัดๆเป็นสองกลุ่ม ว่าเราจะเป็นผ้าขาวที่คอยเดินเส้นทางอันจำกัดที่ขาวสะอาดเสมอ
หลีกเลี่ยงทางที่จะทำให้ตัวเองเปรอะเปื้อนเพื่อทำให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายในฐานะผู้ถูกต้องไร้มลทินแต่จะทำอะไร ๆ ก็ลำบากเพราะต้องคอยระวังสีดำที่จะมาย้อมผ้าขาวของตน หรือเราจะยอมเป็นผ้าสีเทาที่ไม่สนใจทุกสิ่งที่เข้ามาขัดขวาง ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปขอเพียงให้เข้าได้ถึงเป้าหมาย แม้ตัวเองจะต้องลดตัวต่ำแค่ไหนก็ตาม
สงครามเป็นประเด็นที่เรื่องเตือนใจคนดูได้ดี สงครามที่เราสู้ ๆ กันนี้ ไม่ว่าใครก็เข้าข้างตัวเองและบอกว่าตนคือฝ่ายถูกทั้งนั้นแต่ทุกคนเลยหรือที่จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าจริงๆชนวนสงครามเกิดจากอะไร พวกเค้าก็ทำหน้าที่เพราะพวกเค้าเชื่อในสิ่งที่รู้ แต่ถ้าความจริงเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อของเขาจนหมดสิ้นล่ะ? เค้าจะยังสู้ต่อไปมั้ยถ้าเค้าพบว่าสิ่งที่เค้าเชื่อมาตลอดคือสิ่งที่ผิด ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แล้วเราควรจะทำยังไงล่ะ? นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่อนิเมะแทรกเข้ามาและอัดท้องเราซะจุกได้อีก ก็นับว่าถ้าดูเรื่องนี้ไม่ได้แค่เอาสนุกกลับไปแน่
งานภาพ
งานภาพรีเมคทำได้ดีมากเลย (รึเพราะเราดู Blu-ray ซึ่งอาจจะมีจุดแก้งานเผาจาก TV แล้วก็เป็นได้ แต่ทำออกมาได้สวยมาก ในส่วนของฉาก CG ก็ทำออกมาได้ดีเพลินตา แค่มองดวงดาวนับร้อยที่รายล้อมอยู่ทั่วเรือเหาะก็
เพลินตาแล้ว
ส่วนเรื่องพระเอกที่ในหลาย ๆ เรื่อง มักจะมืดบอดในเรื่องความรักที่เราเห็นได้ในการ์ตูนหลาย ๆ เรื่อง บอกเลยว่าไม่ได้เป็นกับพระเอกโคไดคนนี้แน่นอน แต่แกก็ไม่ได้ความรักจ๋านะ ยังคงเป็นสไตล์พระเอกเป็นลูกผู้ชายห่วงงาน หน้าที่มาก่อนความรักทีหลัง แต่บทจะได้หยอดกับนางเอกโมริก็มีกับเค้านะ เอ้อ !
ดนตรีประกอบ(สกอร์)และเพลงร้องประกอบ
เรื่องดนตรีประกอบทำได้อลังการ ไม่แย่เลย ถึงบางฉากที่เราพอจะคลอตามได้เลยละ เพลงที่เจอบ่อย ๆ ก็คือ Theme Song ของเรื่องที่เอามาทำเป็นเวอร์ชั่นออเคสตร้านี่ล่ะ ต้องได้เจอบ่อยจนช่วงหลัง ๆ ได้ยิน ต้องร้องคลอตามไปด้วยได้แน่ ๆ
ส่วนเพลงร้องประกอบ เพราะจริง เราชอบสามเพลง คือ
Fight for Liberty [OP2 TV Version]
Kioku no Hikari – Kokia [ED 4] (หาเจอแต่ลิงค์ Soundcloud)
Ai no Hoshi – Nana Mizuki [ED7]
ระดับปวดตับ
เนื้อเรื่องพอให้มีดราม่าเล็กน้อย ๆ แต่เรื่องนี้เน้นโฟกัสไปที่เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกว่าจะขยี้ตัวละครอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครกลัวว่ามันจะปวดตับเหมือนอนิเมะที่พวกเราพบเจอบ่อย ๆ ก็ไม่ต้องห่วงไป แต่ถึงจะไม่ปวดตับก็บอกเลยว่าเนื้อเรื่องก็ไม่ได้เส้นตรงง่ายขนาดนั้น
ข้อเสีย
เห็นพูดในทางดีก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีข้อเสียนะ บางจุดเห็นแล้วก็ตะขิดตะขวงใจ
ตัวอย่างเช่น ในห้องบังคับการทุกคนนั่งที่นั่งแต่ทำไมไม่รัดเข็มขัดกันเลย พอยานหมุนตัวที โดนกระแทกที ไม่ยักกะเจอลูกเรือคนไหนหน้าจูบคอนโซล กลิ้งไปตามพื้นบ้างเลย นี่มันเบาะดูดตัวรึไง ห๊ะ ! หรือมันจะมีอธิบายไว้ต้นเรื่องแล้วแต่เราลืมกันนะ 5555 เห็นแล้วมันก็แอบแซวขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็มันเป็นการ์ตูนน่ะนะ เลยเป็นจุดยิบย่อยที่มองข้ามไปได้ 555
ในอีกส่วนนึงคือปริศนาที่ใส่มาในเรื่องบางทีก็อยากให้หยิบยกมาพูดถึงมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้หยิบยกมาเล่าต่อ
คนดูต้องไปวางทฤษฎีต่อกันเอาเอง เสียดายจุดนี้อยู่เหมือนกัน (และมีความเป็นไปได้ว่าบางปม อาจจะหยิบไปเล่นต่อในภาคถัด ๆ ไป)
คะแนนภาค 1 (10/10)
สรุปรีวิวอนิเม Yamato 2199
ถ้าเป็นเราสมัยก่อนดูเรื่องนี้เราไม่ชอบ คงจะรู้สึกว่า ทำไมมันไปเล่าตรงนู้นตรงนี้บ่อยจังฟะ
ไม่เข้าเนื้อเรื่องแกนหลักสักทีเลย นี่อยากจะดูเรือมุ่งหน้าไปที่ดาว เจอศัตรูก็ถล่ม ไคลแมกซ์ระเบิดระเบ้อ กลับโลกมาแฮปปี้เอนดิ้ง จะมาเล่าเรื่องศัตรูทำไม แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าถึงอวยกันนักและยกให้มันเป็นหนึ่งในสุดยอดเมะของปีนั้น เราว่านี่คือเส้นทางการดำเนินเรื่องที่ Uchuu Senkan Yamato 2199 เดินมาได้ถูกต้องแล้ว
ถ้าคุณตามหาเมะสนุกๆแนวผจญภัยตะลุยแนวอวกาศ เนื้อหาครบทุกรส เข้มข้นทุก 26 ตอน แฝงข้อคิดปรัชญาหลังดูจบ เพลงเพราะ ภาพสวย แล้วล่ะก็ เรื่องนี้เหมาะกับคุณ เป็นอีกเรื่องที่เราว่าถึงเอามากลับมาดูอีก มันก็ยังมีรายละเอียดให้เก็บได้ยิบย่อยอีกมากมายเลยล่ะ เพราะตัวละครเอย ปริศนาเอย มีอีกหลายมิติที่ควรค่าแก่การหยิบมาดูอีกสักรอบ
คำเตือน 2 แม้บทความนี้จะพูดไปในทางค่อนข้างดีแต่เราไม่อยากให้ทุกคนไปคาดหวังจนเกินไป
คุณอาจจะผิดหวังก็ได้ ถ้าดูแล้วมันไม่ใช่แนวคุณจริง ๆ ลองไปดูสัก 2-3 ตอนก่อน
เพราะแค่ตอนแรก ๆ คุณก็พอจะรู้สไตล์การเดินเรื่องแล้วล่ะว่ามันจะเดินไปในทางไหน ถ้าคุณชอบก็เดินหน้าดูต่อได้เลย
ก้าวต่อไปของซีรีส์ Yamato
หลังจบภาค 2199 ซีรีส์ Yamato ก็ยังไม่จบแค่นี้เพราะต้นฉบับเองก็มีต่ออีกหลายภาค ทางค่ายได้ทำยังมี Movie ต่อจากภาค 2199 ซึ่งเนื้อเรื่องดำเนินเรื่องอยู่ระหว่างตอนที่ 25 กับ 26 นั่นคือ Uchuu Senkan Yamato 2199: Odyssey of the Celestial Ark (ปกรณัมเรือแห่งดวงดาว) นี่คิดชื่อไทยเอง 555 ส่วน Movie ตัวอื่นๆ ที่โผล่ออกมาจำนวนมากนั้นเป็นมูฟวี่ที่นำมาตัดต่อใหม่จากภาค TV จึงสามารถข้ามไปได้
รีวิวภาคต่อ Yamato 2202, 2205
ในปี 2017 ได้ออกซีรีส์ชุดภาคต่อในชื่อ Uchuu Senkan Yamato 2202 ถ้าให้รีวิวสั้น ๆ ก็คือความสนุกกลมกล่อมน้อยลงกว่าภาคแรกนะ เนื้อเรื่องคืบหน้าไปเยอะก็จริง แต่การเล่าความสัมพันธ์ที่เราจะสัมผัสได้จากตัวละคร ทั้งตัวละครเก่าและใหม่ สิ่งที่ภาคแรกเคยทำไว้ดีหายไปพอตัว
และล่าสุด กุมภาพันธ์ 2020 มีการประกาศภาคต่อ Uchuu Senkan Yamato 2205 (ชื่อภาคขยับปีไปเรื่อยๆ ล่ะนะ) ซึ่งเราได้เขียนรีวิวทั้งสองภาคไว้ในบทความด้านล่างแล้ว ไปตามอ่านกันได้เลยยย
🖋 รีวิว Yamato 2202, 2205 รวมสองภาค Space Opera สุดปังที่ขาดสเน่ห์ภาคแรกไปเสียแล้ว
ทั้งนี้ ขอจบการรีวิวสุดยอดอนิเมในดวงใจเราไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณสำหรับผู้ผ่านมาเยี่ยมชมและอ่านจนหมด เราเขียนยาวมากจริงๆ 555 หากอยากจะมาคุยเพิ่มเติม ก็สามารถตามคอนแทคท์ Social Media ทั้งหลายที่เราใส่ทิ้งไว้ได้ใน About Me เลย
🔑 9 (2+7) เพลง อนิเมะที่ดนตรีแปลกในวงการ Anisong แถมติดหูอีกต่างหาก
🔑 Medalist มังงะฟิกเกอร์สเก็ตเรื่องล่าสุดแห่งปี 2020 รอคอยเซตติ้งแบบนี้มานานแล้ว !
🔑 ติดตามรีวิวอนิเมะอื่น ๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/anime/
🔑 Find me in: Anilist | MyAnimeList