รีวิว Yamato 2202, 2205 รวมสองภาค Space Opera สุดปังที่ขาดสเน่ห์ภาคแรกไปเสียแล้ว
รีวิว yamato 2202 2205
Uchuu Senkan Yamato หรือชื่อไทยเรือรบประจัญบานยามาโตะได้ออกรีเมคภาคแรกในชื่อภาค 2199 ตอนปี 2012 เราอวยมันไว้มากมายจนต้องบอกต่อคนอื่นแค่หาดูยากหน่อยในบทความด้านล่างนี้:
🚢 Yamato 2199 รีวิวอนิเมะอวกาศรีเมคยุค 70s-80s ที่ควรค่าแก่การดู
และแล้วมันก็ถึงเวลารีวิวของภาคต่ออย่าง Yamato 2202 และ 2205 (ออกฉายปี 2017 และ 2021 ตามลำดับ) ภาค 2199 ทำมาตรฐานไว้สูงจนเป็นที่กดดันของภาคต่อๆ มา แฟรนด์ไชส์นี้จะยังคงรักษามาตรฐานเดิมได้มั้ย? ว่ากันตามตรงคุณภาพแผ่วลงไปเยอะ โดยบทความนี้เราขอรีวิวรวบยอดทั้งสองภาคเลยทีเดียว
สารบัญ
Yamato 2202 ภาค Warriors of Love — นักรบแห่งรัก
ในตอนจบภาค 2199 หลังจากเรือยามาโตะได้นำเทคโนโลยีคอสโมรีเวิร์ส (Cosmo Reverse) กลับมาที่โลกและสามารถฟื้นฟูดวงดาวได้อย่างสำเร็จ ใช้เวลา 3 ปี จดสัญญาสงบศึกกับทางดาวกามิลัส อัปเกรดอุปกรณ์รบทางทหารต่าง ๆ นั่นแลดูขัดกับความปรารถนาของสตาช่าในช่วงท้ายของภาคแรกไม่ใช่น้อย ไม่นานนัก ทางชาวโลกได้รับการติดต่อจากเทเรซ่า เสียงเพรียกจากจักรวาล ติดต่อมาว่าจักรวาลกำลังถูกคุกคามจากจักรวรรดิ์กัทลันติส (Gatlantis) ถึงเวลาแล้วที่ลูกเรือยามาโตะต้องออกเดินทางเพื่อช่วยกอบกู้กาแล็กซีนี้
คนเรามันก็ตื่นเต้นล่ะที่จะได้ดู 2199 ภาคต่อ รอนานด้วย 5 ปีเลย ภาคนี้เปลี่ยนคนคุมตัวเรื่อง (Series Composition) จาก Yutaka Izubuchi จากมาเป็น Harutoshi Fukui (ที่น่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวที่น่าเสียดาย)
เปิดฉากมา เปิดตัวด้วยความเทพของเรือยามาโตะสวยๆ และ Timeskip พัฒนาการของลูกเรือต่างๆ ไม่ว่าจะมาโคโตะที่แต่งงานกับสึบาสะ มีลูกเรียบร้อย กัปตันฮิจิคาตะที่มาคุมบังเหียนแทนกัปตันโอคิตะที่จากไป เมื่อยามาโตะต้องออกเดินทางสู่อวกาศอีกครั้ง ลูกเรือชุดเก่าบางคนได้ออกไปตั้งหลักใช้ชีวิตอีกทางกันแล้วจึงทำให้ต้องมีการสลับสับเปลี่ยนลูกเรือชุดใหม่เข้ามา รวมถึงแนะนำกองทหารม้าอวกาศ (Space Cavalry Regiment) คนสวมเกราะหุ่นยนต์ดีๆ มาช่วยเสริมทัพให้ทางยามาโตะด้วย
Yamato 2202 เล่าเรื่องเป็นสูตรสำเร็จ สร้างปมคลายปมขมวดไปสู่บทสรุปที่น่าจะดูดีงามยิ่งใหญ่ตามท้องเรื่องทว่าสิ่งที่น่าเสียดายคือเสน่ห์จากภาคแรกที่หายไปนั่นคือมิติของตัวร้ายหรือตัวละครสมทบที่เข้ามาใหม่ในภาคนี้ เราไม่ได้มีโอกาสเห็นการสำรวจตัวละครเหมือนภาคแรก เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น คนดูไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับตัวละครเหล่านั้นเพราะเราไม่รู้จักภูมิหลังของพวกเขาดีพอ พวกเขาแค่เข้าฉากมาเพราะบทส่งมาให้แล้วจากไป บทพูดหรือท่าทางคล้อยตามตามที่ถูกออกแบบไว้แต่ความคิดความอ่าน เบื้องลึกของพวกเขานั้นจางหายไปพอตัวหากเทียบกับสิ่งที่ภาคแรกได้ทำไว้
เส้นเรื่องลงประเด็นอื่นๆ ที่ยังไม่เคยลงในภาคแรก ภาคแรกมีความความสมานสามัคคีของชาวโลกบนเรือยามาโตะที่มีภารกิจกอบกู้โลกเหมือนกัน ในขณะที่ครั้งนี้มันมีการย้ายฝั่ง การทรยศ นกสองหัว การเล่นกับจิตใจตัวละครว่าความรักของสิ่งมีชีวิตช่างเป็นเรื่องแสนเปราะบางและเป็นจุดอ่อนที่ซอร์ดาร์ (Zwordar) ตัวร้ายในภาคนี้หยิบยกมาท้าทายฝั่งโคได คุณจะตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างไรถ้ามันมีความรักมาค้ำคอ จะยอมเป็นคนเหนี่ยวไกเพื่อที่จะเสียสละสักอย่างไหมหรือจะเป็นผ้าขาวตลอดไป ประเด็นที่เล่นช่างสอดคล้องกับชื่อภาค “นักรบแห่งรัก” ซะเหลือเกิน
แต่ถึงกระนั้นเรารู้สึกการตัดสินใจของตัวละครมันดูละค๊อน ละครไปหน่อย อาจเพราะเนื้อเรื่องที่อิงจากต้นฉบับเก่าซึ่งบทสมัยนั้นมันจะมีกลิ่นเลี่ยนๆ คุณธรรมหน่อยล่ะนะ จึงไม่ค่อยแปลกใจหากตัวละครจะตัดสินใจแบบนี้ แค่เมื่อนำมาดูในยุคสมัยนี้มันทำให้คนดูอินได้น้อยไปหน่อย มันดูไม่สมจริง 5555
แม้ว่าภาค 2202 ที่เป็นหนังจะถูกหั่นมาฉายในทีวีเป็น 26 ตอนเท่ากับของภาคแรกเลยแต่ว่าการเกลี่ยบทระหว่างตัวละครหลัก ตัวละครสมทบนั้นไม่สมดุลเลย ตัวใหม่ก็ไม่ค่อยรู้จัก ไม่ชวนเอาใจช่วยเท่าไหร่ ตัวร้ายไม่เล่าถึงที่มาที่ไป รู้แค่ว่ามันร้ายกับมีแผลใจในอดีตทำให้ไม่อยากเชื่อใจใครเท่านั้น มิติผิวเผินกว่าตัวร้ายภาคแรก เดสเลอร์ (Dessler) เป็นเท่าตัว แม้แต่โทโกะ นกสองหัวที่แฝงตัวเข้ามาในยามาโตะที่ดูจะมีมิติเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดก็ไม่ได้ลงรายละเอียดนัก เล่าภูมิหลังของเธออย่างผ่านมาผ่านไป
ข้อนึงที่ภาคนี้ทำได้เด่นชัดคือ เจ็บจริงตายจริง ภาคแรกเราๆ คงรู้สึกว่าทุกตัวละครมันติดสกิล Luck เต็มหลอดกันหมดแต่ภาคนี้ตายเป็นตาย ตายเป็นโขยงด้วยนะ นี่ไปสอดคล้องกับข้อข้างบนที่บอกว่ามิติตัวละครตื้น นั่นเพราะเมื่อมีใครตาย เรายังไม่รู้สึกอินอะไรกับการตายของเค้าเลย ดูเป็นตัวละครที่ใช้แล้วทิ้งจริงๆ T_T ว่าแล้วภาค 2202 ก็จบไปโดยที่ไม่สร้างความจดจำอะไรให้เราเป็นพิเศษนอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่เดินหน้าต่อกับตัวละครที่เข้ามาและจากไป
คะแนน (7/10)
Yamato 2205 ภาค Take Off/STASHA—ทะยานบิน ! / สตาช่า
ภาคต่อยังคงใช้ Timeskip 3 ปีเช่นเดิม หลังจากที่เรือ Yamato ออกผจญภัย ปราบจักรวรรดิ์กัทลันติสสำเร็จ โคไดและยูกิที่ติดในห้วงมิติได้รับการช่วยเหลือจากฉันทามติของชาวโลกแลกกับการสูญเสียห้วงมิติเวลา วิทยาการอันล้ำค่า การสูญเสียนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจใครหลายคนและสร้างแรงแค้นให้กับตัวละครใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทในภาคนี้ ไอ้หนุ่มถือปืนบนใบปิดน่ะแหละ
เนื้อเรื่องภาคนี้เกิดจากดาวกามิลัส เพื่อนรักชาวโลกที่สภาพดาวใกล้จะตายอยู่แล้วดันโดนตัวร้ายชุดใหม่เข้ามาทำร้าย ก่อเกิดเป็นชนวนที่ทำให้ยามาโตะต้องเร่งเดินทางมาเพื่อเข้ามาช่วยพันธมิตร
ภาค 2205 กลับไปโฟกัสกับชุดตัวละครภาคแรกที่เราๆ แสนคิดถึงอีกครั้ง สตาช่า,ยูริช่า และเดสเลอร์(เจ๊เมลด้าโผล่มาแว็บๆ ด้วย กรีซซซซซ) จึงทำให้ภาคนี้เป็นเหมือนการคืนสู่เหย้า โดยตัวละครเหล่านี้ได้รับอานิสงส์การเล่ามิติตัวละครในภาคแรก นั่นพอช่วยทุเลาปัญหาตัวละครตื้นที่เราประสบกันในภาค 2202 อย่างไรก็ตาม ตัวละครสดใหม่ที่ชูมาให้เด่นประจำภาคนี้เช่น ริวสุเกะ โดมอน ก็ยังไม่คงถูกเล่าภูมิหลังลึกซึ้งเช่นเดิม(รวมถึงเพื่อนๆ ของโดมอนด้วย) แถมภาคนี้เป็นภาคสั้นๆ ที่เหมือนเป็นสะพานทอดไปยังภาคถัดไป 3199 จึงมีเวลาฉายแค่ทีวี 8 ตอน(หนังใหญ่ 2 ตอน) เวลาปูบทน้อยกว่าภาคที่แล้วอีก ! ทำให้การสำรวจตัวละครยิ่งบอบบางไปกว่าเดิมและมีแต่การเดินเส้นเรื่องหลักโดยใช้อานิสงส์ของตัวละครชุดเก่าจากภาคแรกเท่านั้น
ภาคนี้เดินเรื่องไวมาก ! มีแค่ 8 ตอนแต่เรื่องเดินเหมือนมีสองซีซัน 5555 การเล่าภูมิหลังของดาวกามิลัสและอิสกันดาร์ ความผูกพันระหว่างสองดาวแต่อดีตกาลและการเฉลยปมที่คาดไม่ถึงเป็น Infodump ที่ยัดใส่คนดูเข้ามาดื้อๆ จนย่อยแทบไม่ทันทำให้คนดูอาจตามไม่ทันระหว่างการดูได้
เนื้อเรื่องในภาคนี้สามารถเล่าขยายให้เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นจะต้องอัดลงมาภายใน 8 ตอนก็ได้อาจจะทำเป็นหนัง 3 ตอนจบหรือเป็น TV Series 12-13 ตอน อย่างน้อยขอเวลาอีกสัก 3-5 ตอนให้ค่อยๆ เล่าภูมิหลังของดาวสองดวงมากขึ้นซึ่งอาจทำให้คนดูมีเวลาได้ตกตะกอนปมต่างๆ และมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครมากกว่านี้ก็เป็นได้
มิติตัวร้ายยังบางกรอบเช่นเดิม ของ 2202 อาจดีกว่าหน่อยตรงที่มีโควต้าตอนเยอะกว่าเลยพอมีเวลาให้เล่าปมของซอร์ดาร์แต่ตัวละครใหม่นี้ เมลดาซ (Meldarz) โผล่มาบังคับบัญชาสั้นๆ ในยานผ่านไปผ่านมา ยังไม่มีบทอะไรมากเท่าไหร่ ดูทรงตัวละครชุดนี้น่าจะไปปรากฏตัวต่อในภาค 3199 เดี๋ยวเราคงมีโอกาสได้เห็นภูมิหลังตัวร้ายกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นก็ได้
จนถึงบัดนี้ เดสเลอร์เป็นตัวร้ายจากภาคแรกที่ล่าสุดเป็นพันธมิตรกับชาวโลกไปแล้วแต่เค้าก็ยังคงออร่าตัวร้ายที่มีมิติและมีสง่าราศีที่สุดเมื่อเทียบกับซอร์ดาร์และเมลดาซในสองภาคหลัง (จะรอดูภาคถัดไปนะ เผื่อเมลดาซจะดูดีขึ้นมาบ้าง 5555)
ที่จ้อจี้คือมีคนญี่ปุ่นทำคลิปเปรียบเทียบเมลดาซ ทั้งภาคเก่าและรีเมคไว้เรียบร้อย เค้าบอกเค้าชอบบุคลิกเมลดาซภาคเก่ามากกว่า เอาตุ๊กตาทองไป๊ ! 55555 ว่าแต่เมลดาซภาครีเมคหน้าเหี่ยวจัง 5555
เรารู้สึกว่า 2205 เป็นเหมือนภาคคืนสู่เหย้าและสั่งลาตัวละครชุดเก่าเพราะเน้นความสัมพันธ์ของสตาช่ากับเดสเลอร์โดยเฉพาะประกอบกับฉากจากลาของโคไดและเดสเลอร์ในตอนท้ายที่ชวนให้บรรยากาศว่าจะไม่ได้พบเค้าอีกแล้วเลย
การเดินหน้าของตัวเรื่องรวมๆ ทั้งสองภาคไม่ได้มีการเดินเรื่องที่ประดักประเดิดหรือมี Plot Hole ที่ขี้เหร่ชวนอิหยังวะสักเท่าไหร่เพราะเส้นเรื่องไม่ได้เล่นท่ายากเหมือนอนิเมแฟนตาซีไซไฟบางเรื่องที่พยายามใช้เส้นเรื่องและประเด็นที่ซับซ้อนจนกลายเป็นสร้าง Plot Hole ในตัวไป ทุกอย่างเดินเป็นเส้นตรงเข้าใจง่าย ที่จะโดนหักคะแนนก็เป็นเรื่องบทที่ดูละครๆ กับมิติตัวละครที่ไม่สมดุลแบบที่เรากล่าวไว้ด้านบนมากกว่า พอมันเอามารวมทั้งหมดมันจึงกลายเป็นเพียงอนิเมที่เน้นแต่เดินเรื่องแต่ไม่มีสีสันเลยดูเป็นจืดไปซะดื้อๆ เหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำใสที่ลืมไปว่าลูกค้าสั่งต้มยำ (ฮา)
งานภาพ CG และเพลง ดนตรีประกอบ
งานภาพไม่ต้องห่วง ทั้งสองภาคถูกทำฉายบนโรงภาพยนตร์ก่อนหั่นออกมาเป็นตอนทีวี ดังนั้นเรื่องภาพหรือ CG ออกมาดีแน่นอน
เราไม่ได้สะดุดกับเพลงประกอบอะไรมาก หาฟังอัลบั้มแยกบน Spotify ก็ไม่มี ดนตรีที่จับได้ส่วนมากมันก็มีแค่ Theme Song ของเรื่องที่ remix เป็นเวอร์ชั่นต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่เพลงปิดภาค 2205 ดีมาก ร้องโดย Ayaka Hirahara มีแต่ TV Size แล้วชั้นจะหาฟังเวอร์เต็มๆ ได้ที่ไหนก่อน 5555
คะแนน (7/10)
สรุปรีวิว Yamato 2202 + 2205
สำหรับแฟนฮาร์ดคอร์ของซีรีย์เรือรบ Yamato มันเป็นเรื่องที่ยังคงดูสนุกและมีเนื้อเรื่องที่คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วไม่อืดอาดแต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าสำหรับคนที่คาดหวังจากมาตรฐานที่มันทำไว้ดีในภาคแรก เสน่ห์ของซีรีส์หายไปพอสมควรจนอาจรู้สึกผิดหวังได้ มีหลายจุดและช่องว่างที่มันสามารถเอามาอุดให้ดีกว่านี้ เรียกว่ามีแฟนบางส่วนถึงกับขยาดกับคนคุมเรื่องคนใหม่ Fukui ที่มาทำภาค 2-3 นี้ 5555 ส่วนตัวเราคงไม่ได้เห็นงานที่มีการสำรวจตัวละครเยอะเหมือนภาค 2199 อีกแล้ว
ติไปแต่ก็คงจะตามไปจนถึงที่สุดละนะมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา แฮ่ ! ฉาก Post Credit ของ 2205 ปีการปูปมต่อยอดไปภาค 3199 ด้วย รอบนี้มันจะ Timeskip ไป 100 ปีเลยเรอะ เราๆ เฝ้าดูกันต่อไปว่าทิศทางการเดินเรื่องยามาโตะภาค 4 จะสามารถแก้เกมส์ได้หรือไม่ สำหรับเราตอนนี้ก็แค่เฝ้าดูว่าซีรีส์นี้จะไปถึงบทสรุปใดแต่คงไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษเหมือนภาคแรกแล้ว ที่สำคัญ..ขอโควต้าตอนเยอะๆ หน่อยสิคุณ 55555
จบกันไปแล้วกับการรีวิวยามาโตะสองภาครวดและพบกันใหม่ในรีวิวภาค 3199 หากใครอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์กดสับตะไคร้ (มีให้สับด้วยเรอะ 555) และติดตามผลงานรีวิวอื่นๆ ของเราได้ในบล็อกนี้ ดูคอนแทคท์ช่องทางอื่นเพิ่มเติมได้ที่ About Me เด้อออ
บทความรีวิวอนิเมะอื่นๆ
🔑 9 (2+7) เพลง อนิเมะที่ดนตรีแปลกในวงการ Anisong แถมติดหูอีกต่างหาก
🔑 รีวิวอนิเม Tsuki to Laika to Nosferatu ส่งคนไปอวกาศมันธรรมดาไป ส่งแวมไพร์ไปดีกว่า
🔑 รีวิว อนิเม Wonder Egg Priority คอนเซปต์สภาวะจิตอันทะเยอทะยานท้าทายที่สุดท้ายก็ล้มไม่ลุก
🔑 Medalist มังงะฟิกเกอร์สเก็ตเรื่องล่าสุดแห่งปี 2020 รอคอยเซตติ้งแบบนี้มานานแล้ว !
🔑 ติดตามรีวิวอนิเมะอื่น ๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/anime/
🔑 Find me in: Anilist | MyAnimeList
🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📖 รีวิวBook หนังสือ |🎧 รีวิว Music ดนตรี
รีวิว yamato 2202 2205