รีวิว Mistborn มิสบอร์น นิยาย ภาค 1 [เล่ม 1-3] ปฏิวัติแดนขี้เถ้า [คลุมสปอย]

รีวิว mistborn

🪙 เคยรีวิวนิยายของลุง Brandon Sanderson อย่าง Elantris (รีวิว), Warbreaker(รีวิว) และ Rithmatist (รีวิว) ไปแล้ว
ถึงเวลารีวิวไตรภาค High Fantasy ยุคแรกๆ ของลุงอันเลื่องชื่อ มหากาพย์แดนขี้เถ้า Mistborn (มิสบอร์น) ที่ภาคแรก—3 เล่มแรกแปลไทยโดยสำนักพิมพ์ Words Wonder Publishing

mistborn-era1-cover
ปก Mistborn ของสำนักพิมพ์ Tor ฉบับเล่มเล็ก
(ส่วนตัวชอบปกภาษาจีนมากกว่า)

เราอ่าน Mistborn ภาคแรกจบไปราวๆ ปี 2018-2019 (Mistborn ภาค 1 มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Mistborn Era 1)จากนั้นเราก็แยกย้ายไปอ่านนิยายเรื่องอื่นแทนจนกระทั่ง Brandon ประกาศเตรียมเขียนเล่ม 7: The Lost Metal ซึ่งเป็นเล่มจบภาค 2 และเตรียมออกในปลายปี 2022 แถมยังมีแผนเขียนภาค 3 ในเฟสถัด ๆ ไปด้วย แบ่งเฟสอลังการซะนึกว่าหนัง Marvel 5555 ทำให้เราต้องรีบไล่อ่านเล่ม 4-6 ก่อนที่เราจะถูกทิ้งห่างไปมากกว่านี้และได้ฤกษ์มาทยอยรีวิวภาคแรกให้เรียบร้อยก่อนทีจะเขียนบล็อกรีวิวภาคสองอีกทีตอนเล่ม 7 ออก

สารบัญ

วิธีการอ่านแบบหลบเลี่ยงสปอย (อ่านเฉพาะหัวข้อที่มี ข้างหน้า)

บทความนี้มีการคลุมสปอยบางส่วน โดยสามารถกด Popup เพื่อเปิดปิดได้
ถ้าหากผู้อ่านต้องการหลบสปอยเนื้อหาสำคัญทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย สามารถเลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่มีสัญลักษณ์✅ อยู่ด้านหน้า
และสัญลักษณ์🚨 คือมีการสปอยเนื้อหาสำคัญ

หมายเหตุ เนื่องจากเราอ่านฉบับภาษาอังกฤษ การเขียนทับศัพท์และคำแปลบางคำ
จึงไม่เหมือนฉบับแปลภาษาไทยทั้งหมด ⚡

เล่ม 1 —Final Empire จักรวรรดิ์สุดท้าย

ปกภาษาจีนของ Final Empire

✅ เนื้อเรื่องย่อเล่ม 1

ในโลกที่มีขี้เถ้าร่วงหล่นสู่ผืนดิน ผู้ปกครองดินแดน Luthadel (ลูธาเดล) แห่งนี้คือ Lord Ruler—ลอร์ด รูเลอร์ แปลเป็นไทยคงประมาณ เจ้าแผ่นดิน, ผู้ปกครอง ผู้มีจิตใจแสนอำมหิตปกครองโลกที่เต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้นระหว่างเหล่าขุนนางและเหล่าชนชั้นทาสตาดำๆ ที่ถูกเรียกว่า Skaa (สกา) ความเหลื่อมล้ำนี้ใกล้ถึงขีดสุดแล้ว Kelsier (เคลเซียร์) ผู้นำคณะปฏิวัติที่ผ่านอดีตมาอย่างบอบช้ำและแบกบาดแผลเต็มแขนจะไม่ทนต่อการกดขี่อันไม่เป็นธรรมนี้อีกต่อไป เขาพร้อมจะล้มลอร์ด รูเลอร์และนำพาสันติสุขมาให้เหล่า Skaa

Kelsier แน่สักแค่ไหนล่ะจะไปล้มลอร์ด รูเลอร์ที่ปกครองมานาน? ในดินแดนแห่งนี้มีระบบเวทย์มนตร์ชื่อว่า Allomancy (ไม่แน่ใจฉบับไทยแปลอย่างไรแต่ถ้าเราแปลดิบๆ ก็คือ โลหะศาสตร์ 5555) มันคือระบบพลังที่ผู้ที่ถูกเลือกสามารถกลืนโลหะธาตุต่างๆ และแปลงคุณสมบัติธาตุเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังพิเศษเฉพาะธาตุได้ เช่น

กิน Iron (เหล็กธรรมชาติ) เพื่อใช้ดึงโลหะใกล้ตัวเข้ามา
กิน Steel (เหล็กผสมคาร์บอน) เพื่อผลักโลหะใกล้ตัวออกไป
กิน Pewter (ดีบุกผสมตะกั่ว) เพื่อเพิ่มพละกำลังกาย

โดยทั่วไปมนุษย์ผู้ถูกเลือกสามารถใช้พลังเพียงได้หนึ่งอย่างเรียกว่า Misting (มิสติ้ง) แต่หากใครแต้มบุญสูงหน่อยจะมีพลังทั้งแปด ใช้พลังได้ครบทุกแบบ คนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Mistborn (มิสบอร์น) ซึ่ง Kelsier ก็คือ Mistborn ผู้ตั้งมั่นหมายจะมาโค่นลอร์ด รูเลอร์นั่นเอง ในระหว่างที่กำลังดำเนินแผนการพร้อมกับเหล่าพรรคพวกชายฉกรรจ์ เค้าได้พบเด็กสาวเร่ร่อน Vin (วิน) ที่เค้าเห็นศักยภาพแฝงว่า นี่มันบุคลากร Mistborn ชั้นเลิศนี่นา (แต่ Vin ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็น) โอกาสอันดีที่จะดึงเธอมาเสริมทัพเพื่อทำให้แผนปฏิวัติสยบลอร์ด รูเลอร์สำเร็จไปอีกขั้นมาถึงแล้ว !

allomancy glossary
สารานุกรมพลังต่างๆของการใช้พลัง Allomancy


✅ รีวิวเล่ม 1 (ไม่สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 1)

แก่นเรื่องของหนังสือเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวบ้านตาสีตาสาที่ถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจ ในที่นี้ก็คือ Lord Ruler การวางเซตติ้งโลกสร้างระบบทำได้น่าสนใจละเอียดละออมีเงื่อนไขการใช้งานเช่นเคยตามแนวทางประดิษฐ์ระบบเวทย์มนตร์ของ Brandon Sanderson ซึ่งตลอดเรื่องพาไปทำความรู้จักพลังแต่ละด้านเป็นอย่างดีว่าคุณสมบัติมันวิเศษยังไง อย่างพลังผลัก/ดึง เดี่ยวๆ ก็ดูธรรมดาหาก Misting ใช้แต่พอ Mistborn ใช้ เขาสามารถนำพลังสองด้านมารวมกัน กลายเป็นว่าสามารถผลัก/ดึงเสาไฟฟ้าเพื่อช่วยเหวี่ยงตัวเองเดินทางข้ามหลังคาบ้านต่างๆ ได้ เอ๊ย เข้าใจคิด แถมยังสาธิตว่าพลังเองก็มีข้อจำกัด ไม่ใช่ว่าเอะอะผลักได้ทุกอย่าง แต่มันผลักได้เฉพาะสิ่งเบากว่าเรา ถ้าเราไปผลักรถถังเรานี่ล่ะจะกระเด็นไปข้างหลังเอาแทน ฟิสิกส์ดีมั้ย 555

เอาเข้าจริงหนังสือเดินเรื่องฉบับเรื่อยๆ มาเรียงๆ ระหว่างนั้นก็มีฉากบู๊ที่ใส่มามันหยดติ๋งสลับกับเกมส์การเมืองของแต่ละตระกูลที่ค่อยๆร้อนระอุ ไปจนถึงการฝึกวิชาของนางเอกที่ต้องเริ่มจากศูนย์ จนกระทั่งหนังสือเข้าสู่ 25% สุดท้ายของเล่มถึงจะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ไคลแมกซ์ดุดันไม่เกรงใจใครชนิดที่ว่าเล่มหลังๆ มันจะยังพีคกว่านี้ได้อีกเหรอ แต่นั่นล่ะนะ…มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

🚨 พูดคุยหลังอ่านเล่ม 1 จบ (สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 1)

หนังสือทยอยอธิบายระบบเวทย์มนตร์ Allomancy, การฝึกวิชาของ Vin ที่ต้องขัดปลวกตัวเองเตรียมขุนเป็นคุณหญิงกำมะลอ Valette Renoux (วาเลตต์ เรโน) เข้าไปแทรกตัวตามงานเลี้ยงต่างๆ เพื่อเล่นเกมส์การเมืองให้ความสัมพันธ์ของชนชั้นบนเตรียมแตกหัก (เป็นแผนสร้างความแตกหักภายในที่แยบยลและใช้เวลาจริงๆ คุณเคลเซียร์) นั่นจึงทำให้ทั้งเล่มมีฉากเข้างานเลี้ยงตั้งแต่ช่วงแรกที่ Vin ยังประหม่าในงานเลี้ยง จนหลังๆ เริ่มคล่องมีทักษะไปผูกมิตรเข้าสังคมเนียนขึ้นมาบ้าง เอาจริงฉากงานเลี้ยงเป็นฉากที่เนือยและเน้นพูด เราแอบเบื่อเวลาถึงฉากนี้ล่ะ 5555 แล้วงานเลี้ยงไม่ได้นานๆ จัดทีแต่จัดประจำ แป๊บๆ คืนนี้ไปจัดคฤหาสน์คนนี้ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าอีกคนเป็นเจ้าภาพ ฟุ่มเฟือยกันจริง ส่วนเหล่า Skaa ก็อดยากกันไป…อื้มมมม 🥲

ที่ขาดไม่ได้ มันมีฉากต่อสู้เป็นช่วงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องกั๊กแบบ Rithmatist ที่อันนั้นแค่เสกชอล์กสู้กันหรือ Elantris ที่กว่าจะได้บู๊ก็เข้าปลายเรื่อง ที่นี่บู๊กันตั้งแต่ช่วงแรก Kelsier โชว์พาวหรือ Vin เริ่มฝึกหัดเข้าสนามจริง เราได้เห็นทั้งหมด คนเขียนอธิบายฉากบู๊ได้ถึงลูกถึงคน มาเป็นช็อตๆ ว่าคนนี้ต่อยแล้วตัวปลิวไปอีกฝั่งหรือหลบแล้วอัดด้วยลูกเตะ นี่อ่านบทคิวมวยปล้ำอยู่รึเปล่านะ เห็นภาพยังกะมีคนมาต่อยให้ดูตรงหน้า คล้ายกับดูหนังโรง 4DX ขาดแค่กลิ่น 5555

เราได้รู้จักตัวละครอื่นๆ ในคณะปฏิวัติไม่ว่าจะ Ham, Dockson, Breeze, Spook, Sazed (อ่านว่าเซเซทแต่เราติดเรียกเซดมานาน 5555), Marsh แฝดของ Kelsier และ OreSeur เผ่า Kandra เผ่าที่สามารถแปลงกายเป็นใครก็ได้โดยการกินกระดูกของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ เข้าไป ไหนจะ Elend (เอเลน) เด็กหนุ่มหนอนหนังสือตระกูล Venture (เวนเชอร์) ที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครและดูจะคุยถูกคอกับ Vin เวลาเจอที่ในงานเลี้ยงได้เป็นอย่างดี

องก์ที่สามของเล่มนี้

คลิกเพื่อดูสปอย

Kelsier ฟาดกับเหล่า Inquisitor (องครักษ์ถึกๆ ของลอร์ด รูเลอร์) ได้ขับเคี่ยวและเป็นพาร์ทที่สนุก เดอะเบสของเล่มนี้เลย ไม่แปลกใจถ้าคนจะมองว่า Kelsier คือเทพแห่งการผลักละดึง ก็มันเก่งจริงๆ สร้างสรรค์ในการออกกระบวนท่ามาก 5555 แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเล่นมุกนึงไวขนาดนี้นั่นคือ

เชือด Kelsier ทิ้งเฉยๆ ทั้งๆ ที่คาแรคเตอร์ก็น่าจะดูอายุยืนกว่านี้แท้ๆ ปิดประตูผีตั้งแต่เล่ม 1 เลยเรอะ แต่แผนการ Kelsier คือต้องการให้เค้าตายเพื่อจุดประกายเป็นแรงผลักดัน Skaa ได้ลุกขึ้นมาสู้จริงๆ

สุดท้ายท้ายสุดเนื้อเรื่องก็เหมือนจะจบปมย่อยในเล่มแรกไปได้ และไปต่อยอดในเล่มถัดไป ก็นะ…

คลิกเพื่อดูสปอย สปอบตอนจบเล่ม 1 การจัดการ Lord Ruler ที่นึกว่าเป็นบอสใหญ่ของซีรีส์เหมือนกัน หักมุม เป็นแค่บอสย่อยเล่ม 1 เหรอนี่ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมหากาพย์เอปิคแฟนตาซีตัวนี้เท่านั้น !!


mistborn well of ascension cover
ปกภาษาจีนของ Well of Ascension
ชื่อแปลไทยเพราะดี

เล่ม 2 —Well of Ascension บ่อพิทักษ์พลัง

🚨 เนื้อเรื่องย่อเล่ม 2 (สปอยเนื้อเรื่องในเล่ม 1)

เมื่อ Vin และผองเพื่อน

คลิกเพื่อดูสปอย จัดการลอร์ด รูเลอร์ไปได้แล้วทุกอย่างควรจะแฮปปี้สิน่า แต่ชีวิตไม่ง่ายแบบนั้น เมืองที่ไร้ผู้ปกครองต้องการผู้ดูแลใหม่ Elend ที่ยังใหม่ต่อการเมืองต้องเข้ามาคุมและเฝ้าระวังเหล่าหัวเมืองต่างๆ ที่พร้อมจะบุกเข้ามายึด Luthadel ยังไม่พอ สายหมอกในเมือง Luthadel ทำตัวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เสียงเรียกปริศนาที่แว่วเข้ามาในหู Vin เป็นระยะๆ สายลับที่แฝงตัวมาเตรียมแทงข้างหลังเงียบๆ ศัตรูรอบตัวที่เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ เดอะแกงค์คณะปฏิวัติจะเอาตัวรอดไปได้รึไม่ !?

✅ รีวิวเล่ม 2 (ไม่สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 2)

โดยปกติหนังสือเล่มกลางของไตรภาคมักให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสะพานถ่ายทอดจากเนื้อเรื่องเล่มแรกไปสู่เล่มจบ ก็จริง เล่มนี้เป็นการประคองเนื้อเรื่องประคองปมต่างๆ เพื่อให้จบปมย่อยประจำเล่มและกรุยทางไปสู่เล่มจบ ตัวละครใหม่เปิดตัวโผล่มาเต็ม หนังสือยังคงหนักหน่วงด้วยการเมืองที่ฝั่งตัวละครธรรมะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในแนวหน้ามากขึ้น แต่ว่านะ…รู้สึกเคมีพระนางมันดูฝื้นฝืน เหมือนไม่รู้คนเขียนจะจับใครมาเข้าล็อคดี แกมๆ โดนคนเขียนบังคับมากกว่าอ่านแล้วเป็นธรรมชาติ จึงรู้สึกไม่อินในความสัมพันธ์พระนางเลย 5555 😅 ใดๆ ก็ตาม Climax เล่มนี้สนุกเวอร์วัง คนเขียนไม่กั๊กว่าใครจะอยู่ใครจะไป สเกลเรื่องและระยะทางของการศึกต่อสู้มันกินระยะกว้างมาก แถมมีเรื่องของแข่งกับเวลาที่จำกัดมาเล่น อีกทั้งต้องคอยระแวงว่าสายลับมันเป็นใคร จึงทำให้ระหว่างการอ่านเล่มนี้มันมีความลุ้นระทึกที่สลับกับความเอื่อยเวลามันปูบทเป็นระยะ 555 และเล่มนี้ก็ปิดฉากด้วยความค้างคาให้ต้องไปตามต่อเล่ม 3 เช่นเคย

🚨 พูดคุยหลังอ่านเล่ม 2 จบ (สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 1-2)

คลิกเพื่อดูสปอย เมื่อลอร์ด รูเลอร์โดนโค่นแล้ว Elend ที่ยังอ่อนหัดต้องขึ้นมานำหัวเรือแบบไร้ประสบการณ์พร้อมความกดดันจากหลายๆ ฝ่าย มีเกมส์การเมืองระหว่างพรรคพวกและหัวเมืองด้านนอก ไหนจะมีมวลสารพลังงานบางอย่างที่มาระแคะระคายอีก ศัตรูมาทั้งสิ่งที่จับต้องได้รวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้

เล่มนี้ยังเข้าสูตรเดิม เดินเรื่องไปอย่างช้าๆ อืดบ้างผสมกับฉากบู๊มันส์ๆ บ้าง มีตัวละครใหม่ที่ถูกแนะนำเข้ามาเรื่อยๆ มีจุดที่ไม่อินอยู่บางจุดเช่น เคมี Vin/Elend ที่เหมือนโดนคนเขียนคลุมถุงชน สถานการณ์มัดมือให้มาลงเอยกัน ดูความชอบกันและกันมันฝืนๆ บังคับมากกว่าจะชวนให้เชื่อว่ารักกันจริงซะงั้นแต่ก็นะถ้าไม่จับคู่นี้ก็ไม่รู้จะให้ Vin ไปคู่กับใครแล้ว 5555 ไหนจะมีปมเรื่อง

คลิกเพื่อดูสปอย ยาพิษที่ขยันวางยาใส่ Straff Venture แล้วต้องเรียกสาวใช้มาคอยถอนพิษ โดนวางแล้วจับถอนเล่า เข้าๆ ออกๆ ง่ายเหมือนโอนตังค์เลยวุ้ย 5555 ไหนจะปม Zane พี่ชายของ Elend ที่บทโผล่ออกมาอย่างขวานผ่าซาก จู่ๆ ก็มีลูกแอบที่เป็น Mistborn ด้วยเอ้อ

ไคลแมกซ์เล่มนี้ขยายอาณาเขตใหญ่กว่าเดิมเพราะ Vin ต้องเดินทางหลายกิโลเพื่อรีบวิ่งมาช่วยหัวเมืองที่โดนตีอยู่ สนุกดีนะกับการอ่านคำบรรยายที่นางเอกต้องใช้ทักษะ ผลัก/ดึง เพื่อเหวี่ยงตัวเองเดินทางมาเรื่อยๆ

ลุ้นดีว่าจะไปช่วยทันมั้ย มันต้องแข่งกับเวลา เล่มนี้ล้างผลาญในเมืองกันเละกว่าเดิม คนเจ็บคนตายกันตรึม คนที่อุตส่าห์คิดว่าน่าจะรอดไปเล่มถัดไปก่อนก็ไม่รอดเฉย เซอร์ไพรส์แฮะ และเรา…

คลิกเพื่อดูสปอย เชียร์ Tindwyl/Sazed ช่างเข้ากันดีแต่ ฮือออ 😭😭

ว่าแล้วจบปมประจำเล่มนี้ตามชื่อเล่ม Well Of Ascension บ่อพิทักษ์พลัง และในที่สุดก็

คลิกเพื่อดูสปอย เปิดตัวบอสที่แท้จริงที่จะมาเจอกันต่อในเล่ม 3 เพราะ Vin ดันเผลอไปปลดล็อคพลังงานต้องห้ามออกมาจนได้ และ Elend ก็ได้พลังให้เป็น Mistborn แล้ว ! เอาล่ะสิ แท็กทีม Mistborn คู่นี้จะเผชิญกับอะไรต่อล่ะ ?
ปกภาษาจีนของ Hero of Ages

เล่ม 3 —Hero of Ages ผู้กอบกู้ศักราช

🚨 เนื้อเรื่องย่อเล่ม 3 (สปอยเนื้อเรื่องในเล่ม 1-2)

หลังจาก Vin

คลิกเพื่อดูสปอยชุบชีวิต Elend แลกกับการเปิดทางให้พลังงานอธรรม “Ruin—ความพินาศ” ออกมาเพ่นพ่านบนโลกได้ โลกนี้กำลังจะจบสิ้นจากเงื้อมมือของ Ruin ทั้งสองคนจะเอาชนะมวลสารนี้ได้เช่นไร เมื่อ Ruin สามารถควบคุมฝูงองครักษ์ถึก Inquisitor ได้เป็นโขยง !?

✅ รีวิวเล่ม 3 (ไม่สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 3)

ว้าวเลยอ่ะ หลายๆ ครั้ง เราเจอหนังสือแฟนตาซีที่หยอดปมมาเยอะแยะ แถมสเกลเล่นใหญ่ไฟกระพริบสุดท้ายคุมสเกลเรื่องไม่อยู่บ้าง เรื่องปล่อยเบลอปมบ้าง แต่ Brandon แกปิดปมได้แฮะ อะไรที่ดูไม่เมคเซนส์หรือดูเป็นปริศนาธรรม มันถูกไขให้กระจ่างในเล่มนี้จนแทบต้องกลับไปวนอ่านบางส่วนของเล่มก่อนหน้าใหม่(เพราะลืม เหรอ เอ๊ย 5555) เพื่อปะติดประต่อจิ๊กซอว์บางชิ้นด้วยต่างหาก ! ไคลแมกซ์ยิงยาวมาก ยาวไม่ไหว สเกลศึกต่อสู้เหมือนดู The Lord of the Rings ภาคจบ 5555 แล้ว Brandon สามารถเขียนให้เรารู้สึกสิ้นหวังบางช่วงได้จริงๆ เพราะมันมีบางโมเมนต์ที่เฮ้ย จะแก้สถานการณ์นี้ได้ยังไง ในที่สุดหนังสือก็ขมวดปมและปิดฉากไตรภาคเรื่องนี้ได้อย่างสวยงาม สมราคา Epic Fantasy จริงๆ (คำว่าสวยของเราในที่นี้ไม่ใช่สวยฟีลกู๊ต 100% เหมือนดูละครแบบนั้น แต่หมายถึงจบแบบลงตัวและเมคเซนส์) เมื่อถึงหน้าสุดท้ายถึงกับปล่อยลมฟู่ออกมาทีนึง ความรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะและเพิ่งเข้าจอดเทียบท่ายังไงยังงั้น

🚨 พูดคุยหลังอ่านเล่ม 3 จบ (สปอยเนื้อเรื่องสำคัญเล่ม 1-3)

เข้าสู่เล่มสุดท้ายแล้วแม่ บอกเลยว่าประเด็นหลายๆ อย่างที่ลุง Brandon แกหยอดทิ้งไว้ก่อนหน้านี้เคลียร์ได้หมดเลยนะ ที่พิเศษคือในตอนเริ่มต้นแต่ละบท

คลิกเพื่อดูสปอย

มันมีย่อหน้าตัวเอียงที่เหมือนเป็นบทคัดย่อจากจารึกประวัติศาสตร์เก่าๆ ของ Alendi และ Rashek เมื่อเราอ่านถึงตอนที่ทุกอย่างมาบรรจบกันและไปไล่อ่านบทคัดย่อทั้งหมดใหม่อีกที ทุกอย่างจะเข้าล็อคเลยว่าสารที่ Rashek ทิ้งไว้สื่อถึงอะไร มันถึงคราว บางอ้อ ยูเรก้า บทคัดย่อมันถูกใช้งานเต็มประสิทธิภาพก็คราวนี้นี่เอง

ไคลแมกซ์เล่มนี้ไหนๆ ก็ถึงเล่มสุดท้ายแล้วแถมคู่ต่อสู้สเกลใหญ่ระดับระเบิดดาว การต่อสู้มันต้องวินาศสันตะโรกันหน่อย Vin สู้กับฝูง Inquisitors เป็นสิบๆ ที่ควบคุมโดย Ruin สู้กันมันหยด ชวนบีบให้คนอ่านสิ้นหวังจริงๆ มันจะชนะยังไงฟะเนี่ย แค่ตัวเดียว Kelsier ยังล้มแบบหอบจับ

อเมซิ่งกับปม

โลหะฝังตัวจริงๆ ว่ามันเป็นสื่อกลางที่ทำให้ Ruin สามารถแทรกแซงสติของผู้สวมใส่ได้ เส้นผมบังภูเขา มันเกิดจากแค่นี้เอง แถมใครจะไปรู้ว่าพลังงานธรรมะ Preservation (ความพิทักษ์) คอยช่วย Vin อยู่ตลอดแต่สู้ Ruin ไม่ไหวและ Vin ก็สวมต่างหูต่างหน้าแม่ไว้และเชื่อว่าเสียงเรียกข้างตัวคือพวกเดียวกัน ที่ไหนได้เธอถูกหลอกใช้มาตลอด และทำไม Ruin ถึงเลือกเธอเหรอ ? เธอวิเศษกว่าใครตรงไหน มันก็แค่เพราะเธอเป็นน้อยคนที่ใส่โลหะน่ะสิ

สุดท้าย ไม่อยากเชื่อว่าคนมาช่วยเธอในการต่อสู้ที่ดูร่อแร่นี้คือ Marsh !!!! มาชที่เรานึกว่าน่าจะโดน Ruin ครอบงำจนสุดหัวใจแล้ว แต่ไม่ ! Marsh ยังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่เสี้ยวที่จะ ดีด ต่างหูนั่นออกจากหูวินเพื่อให้พลังงาน Preservation ไหลผ่านหา Vin ได้ เอาล่ะ Vin เปิด God Mode เทพทรูมาละเด้อ บนฟ้า Vin ก็งัดกับ Inquisitor ข้างล่างกองทัพ Elend ก็สู้กันเดือดหยด นึกไม่ถึงว่า Elend จะโดนเฉือน ในสภาพน่าอนาถแบบนั้นเลยแฮะ…

นี่เป็นการรันไคลแมกซ์ที่ดุเดือดเผ็ดมัน นั่งอ่านในร้านกาแฟเกือบสองชั่วโมงลุกไม่ขึ้นเพราะมันติดพันจริงๆ ในที่สุดก็เลิกเนือยแล้ว 5555 (คนในร้านตอนนั้นไม่เยอะ นั่งยาวๆ ได้)

หลังจากปิดศึก รบกันเสร็จ

ตอนจบเล่ม 3 *ตรงนี้สปอยแรง* คลิกเพื่อดูสปอย เนื้อเรื่องปิดจบบทพูดได้อย่างสวยงาม แดนขี้เถ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Hero of Ages ที่ตอนแรกใครๆ คงคิดว่าหมายถึงคุณ XXX …แหงๆ อ้อ เปล่าเลย หมายถึงคุณ YYY ต่างหาก (เซนเซอร์อีกชั้นกันเสียอรรถรส 5555 คนที่อ่านนิยายจบแล้วก็รู้ล่ะ อิอิ) เขาผู้ตามมาทีหลังแล้วผสานพลังงานอธรรมและธรรมะเข้าด้วยกันเป็นร่างผสมก่อเกิดเป็นความสมานฉันท์ “Harmony” ซึ่ง Harmony ได้ชุบคุณ ZZZ ให้กลายเป็น Mistborn และบอกกล่าวกับทุกคนว่า “เขาได้พูดคุยกับคุณ AAA และ BBB แล้ว พวกเขามีความสุขดีและคงจะไม่กลับมาโลกฝั่งนี้อีก” อึหืมมมม

ถ้าให้สรุป Mistborn ทั้งสามเล่มแบบไม่ใบ้บริบทก็คงจะประมาณนี้ 😂

(ยืมอิโนริจาก Guilty Crown มาใช้เล็กน้อย)

ไปๆ มาๆ Spook

คลิกเพื่อดูสปอย

นี่มีพัฒนาการตัวละครที่ก้าวไกลกว่าชาวบ้านเหมือนกันนะ จากตอนแรกที่ดูเป็น Tineye ไร้เดียงสา ตัวสมทบธรรมดากลายมาเป็นหนึ่งในคนที่มีบทบาทต่อทีมพอสมควร เป็นผู้ที่ใช้ผ้าคาดตาก่อนโกะโจ Jujutsu Kaisen 5555



✅ สรุป รีวิว หนังสือ Mistborn ภาค 1 (ไม่สปอย)

หากใครมองหางาน Epic Fantasy เล่นใหญ่โหมโรง การปฏิวัติการต่อสู้ของชาวบ้านตาดำๆ ที่นำไปสู่การเปิดปมหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึงอะไร การบรรจบปมที่ชวนให้คนอ่านต้องกลับไปพลิกหน้าแรกๆ อ่านใหม่ เซตติ้งของโลกและระบบเวทย์มนตร์ที่วางไว้อย่างเป็นระบบ มีช่วงเนือยบ้าง สนุกบ้าง เป็นระยะๆ บทจะบู๊มันส์ก็ไม่อยากลุก บทจะเฉื่อย คุยเยอะ คุยในห้องงานเลี้ยงก็แทบหลับ จะขอหักคะแนนก็ตรงเคมีตัวละครพระนางที่ยังไม่อินมากเท่าไหร่เหมือนมัดมือ การดีไซน์ผองเพื่อนคณะปฏิวัติที่ไม่รู้จะเมนใครดี ไม่ชวนเชียร์เท่าไหร่ (ซะงั้น 5555) มุกบางมุกที่ใส่มาแล้วอดอิหยังวะไม่ได้ เอางี้จริงดิ รวมๆ จึงขอให้ 4 ดาวมา ณ ที่นี้

คะแนนหนังสือไตรภาคแรก (★★★★☆)


🚨 Mistborn ภาค 2 เป็นอย่างไร ? (สปอยเนื้อเรื่องภาค 1)

ปกหนังสือเสียง Mistborn ภาค 2 โดยบริษัท GraphicAudio
ปกหนังสือเสียง Mistborn ภาค 2 โดยบริษัท GraphicAudio

ผ่านภาคแรกไปแล้ว ภาคต่อมาล่ะเป็นยังไง? ภาคสองขึ้นยุคสมัยใหม่ ภาคแรกอยู่ยุคโลหะ ภาคสองกระโดดมา 300 ปีถัดมา ให้บรรยากาศยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมสตีมพังค์ที่บวกกลิ่นคาวบอย มีรถม้า เครื่องจักรไอน้ำ ปืน คล้ายๆ Avatar The Last Airbender กับ Legend of Korra ที่โลกยังคงใช้ระบบเวทย์มนตร์ Allomancy ที่มีพัฒนาการ มีคุณสมบัติหลากหลายขึ้น เปลี่ยนชุดตัวละครเดินเรื่องใหม่แม้จะมีตัวละครชุดเก่าๆ โผล่หน้ามาแจมด้วยประปราย ภาคนี้มีชื่อเล่นอีกชื่อว่า Wax & Wayne ชื่อคู่หูหลักที่เดินเรื่องในภาคนี้ (คิดว่าคนเขียนตั้งใจตั้งชื่อสองคู่หู แวกซ์ เวน เพื่อเล่นคำกับ Wax/Wane—ข้างขึ้น/ข้างแรม)

Waxillium Ladrian (แวกซิเลียม เลเดรียน) ตำรวจมือดีผู้เจอโศกนาฏกรรมจนต้องทิ้งชีวิตโลดโผนล่าผู้ร้ายมาเข้าสังคมขุนนางในเมืองใหญ่ ไม่นานนักอดีตคู่หูตัวกวน Wayne (เวน ถึงบางครั้งมันจะทำตัวชวนเวรตะไลก็ตามที 😑) ก็โผล่มาพร้อมโยนคดีชวนปวดหัวที่เชื่อว่ามีแค่ตาแวกซ์เท่านั้นที่จะไขคดีได้

ภาค 2 เป็นซีรีส์ 4 เล่มโดยเล่มสุดท้ายวางแผงในเดือนพฤศจิกายน 2022 นี้ เราอ่านไปสามเล่มแต่ก็กล้าอวยว่าชอบโทนภาคสองมากกว่าเล่มหนึ่งอีก 5555 มันดีงามแค่ไหนคงจะต้องรอให้เล่ม 4 ออกก่อนแล้วมาเขียนบทความรีวิวภาคสองอีกที

🚨 จำเป็นต้องอ่านภาค 2 ไหม ? (สปอยเนื้อเรื่องภาค 1)

ถ้าคุณไม่ใช่แฟนคลับตัวยงของ Brandon Sanderson ที่อยากตามเก็บซีรีส์หลักครบ อ่านแค่ภาคแรกก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเริ่มติดใจงานเขียนของลุงแล้วมันสมควรต้องอ่านน่ะนะ 5555 การได้สัมผัสโลก Mistborn ในเมืองปฏิวัติอุตสาหกรรมพร้อมชุดตัวละครใหม่ 5 ตัวหลักที่เห็นแล้วอมยิ้มกับเคมีที่เข้าขากันยิ่งกว่าพระนางในภาคแรก โทนเรื่องที่เพิ่มความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหลังจากที่ Vin และ Elend เป็นวัยรุ่นกู้โลก ตัวละครเก่าๆ ที่ออกมารับเชิญชวนให้หวนคิดถึง(มันก็เหลือไม่กี่ตัวหรอกนะเพราะผ่านมา 300 ปีแล้ว) ซีนอารมณ์แสนบาดใจที่อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากมันได้ทำเป็นภาพยนตร์ นี่เป็นซีนที่เหมาะแก่การไปใส่ไว้ท้ายเครดิตอย่างมาก !

mistborn secret history cover
หนังสือเล่มพิเศษ Mistborn Secret History

🚨หนังสือเล่มพิเศษ Mistborn Secret History (สปอยเนื้อเรื่องภาค 1)

เล่มนี้เป็นเล่มพิเศษที่อิงเนื้อเรื่องจักรวาล Cosmere คอสเมียร์คือจักรวาลของนิยาย Brandon Sanderson นึกภาพง่ายๆ มันคือ Marvel Cinematic Universe ของคนเขียนท่านนี้นี่แหละ (อ่านคำอธิบายของ Cosmere เพิ่มได้ในนี้คลิก) เนื้อหาบอกเล่ามุมมองที่คนอ่านไม่เคยเห็นของตัวละคร Kelsier (ภาพบนปกก็บอกอยู่ 555) และเฉลยปมเล็กๆ น้อยๆ จากเล่ม 6—The Bands of Mourning พูดถึงปูมหลังเพิ่มว่ามวลสารปริศนาในภาคแรกคืออะไร เราอ่านเล่มนี้หลังจบเล่ม 6 มึนพอตัวอยู่นะ เพราะโยนทฤษฎีจักรวาล Cosmere มาซะไม่คุ้นเลยขนาดอ่านมา 6 เล่มแล้วนะเนี่ย 5555 ยังดีที่อ่าน Elantris มาก่อนเลยพอจับจุดตัวละครที่มีบทในเล่มบางส่วนได้ และหลังอ่านเล่มนี้จบกลับกลายเป็นว่าเราไม่ชอบ

คลิกเพื่อดูสปอย Kelsier เฉยเลย ตอนแรกดูมาดเท่ๆ ตอนนี้ดูเป็นคนนิสัยดื้อๆ เด็กๆ ที่ไม่มูฟออนสักที

🚨 อนาคตซีรีส์ตระกูล Mistborn ต่อจากนี้…ภาค 3 เล่ม 8-10 มาแน่ 2028 !

ซีรีส์นี้ยังกะลูกรักลุง Brandon แกมีแผนในชีวิตว่าหลังเขียนภาค 2 จบจะเปิดทางไปภาค 3 โดยให้ภาค 3 เป็นแนวไซไฟ Space Opera (ชาวเน็ตเคยนิยามเป็นคำไทยว่ามันเท่ากับ ลิเกอวกาศ 555) จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องรีบตามอ่านเพราะกลัวลุงแซงหน้าไปไกลนี่แหละ ยัง ! ยังไม่พอ ลุงบอกเตรียมภาค 4 แต่ละเล่มให้ความยาวพอๆกับ Stormlight Archive เลย(เล่มละพันหน้า) ตามอ่านไม่ทันล้าววว 🤣🤣🤣🤣

และล่าสุดในช่วงธันวา 2024 ในเว็บไซต์อัปเดต Roadmap การทำงานของแบรนดอน “State of Sanderson 2024” ได้อัปเดตอย่างชัดเจนมากขึ้นว่าจะออก Mistborn ภาค 3 (เล่ม 8-10) ในปี 2028-2031 สลับวางแผงกับ Elantris เล่ม 2-3 เคียงคู่กันไป (หากไม่มีการเลื่อนออกไปน่ะนะ) โดยตอนนี้ เค้าใช้ชื่อเรียกให้เข้าใจตรงกันไปก่อนว่า Ghostbloods (ซึ่งในอนาคตอาจมีเปลี่ยนชื่อทีหลังได้)

Roadmap การเขียนหนังสือของแบรนดอนในปี 2025-2031

ทั้งนี้ ขอจบ รีวิว Mistborn ภาคแรกไว้เพียงเท่านี้ พิมพ์มายาวเฟื้อย ขอขอบคุณหากมีท่านผู้อ่านที่ตามอ่านตั้งแต่บนลงล่างจนจบครบถ้วน ยังไงก็ขอฝากบทความรีวิวจิปาถะเรื่องอื่นๆ ไว้เผื่อใครอยากติดตามเพิ่ม และถ้าใครอยากพูดคุยผลงานของ Brandon Sanderson เพิ่ม แวะมาทักทายกันได้ใน About Me หรือแอด Goodreads ได้เล้ยยยย

รีวิว Mistborn ภาค 2 (Era 2): Wax & Wayne

อัปเดตว่าเพิ่งเขียนรีวิวภาค 2 จบ มาตามอ่านกันได้เลย คลิก


ติดตามเราได้ใน goodreads | About Me

แหล่งซื้อหนังสือ + บทความอื่นๆ

📌 เริ่มอ่านนิยายแฟนตาซีของ Brandon Sanderson เริ่มยังไงดี ?

🪐 รีวิวผลงานอื่นๆ ของ Brandon Sanderson

㊙️ รีวิว The Emperor’s Soul ยัยต้มตุ๋นกับภารกิจเสกวิญญาณองค์จักรพรรดิ์ภายใน 100 วัน !

🥦 รีวิว Tress of the Emerald Sea ถอนสมอ ออกเรือ ชั้นจะไปช่วยชาร์ลียอดหวานใจให้ได้เลย !

🎨 รีวิว Yumi and the Nightmare Painter นิยายฟากตะวันตกแฟนตาซีสลับร่างกลิ่นอนิเมะญี่ปุ่นเหรอ? จัดมา !

📚 ซื้อชุดหนังสือ Mistborn แบบเล่มภาษาไทยบน Shopee

📚 มีรีวิวรายเล่มของเราฉบับภาษาอังกฤษอยู่บน Goodreads ด้วยเช่นกัน เล่ม 1 | เล่ม 2 | เล่ม 3

🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก |🎧 รีวิว Music ดนตรี | 🎬 รีวิว Film Series หนัง ซีรีส์ | 📺 รีวิว Anime อนิเมะ

📊 Data Analytics – Tech | สารพันวงการ Data และเรื่อง Techๆ | 🪴 สารบัญรีวิวทุกประเภท All Reviews

Loading

GleeGM

My journal on personal life and interests including Data Analytics 📈, Books 📚, Music 🎶, Basketball 🏀, Figure Skating ⛸, Anime, Film 📺, Tarot, Lenormand, Uranian Astrology🔮

You may also like...