บันทึกสัปดาห์คอนเสิร์ตสัญจรกับ Perfume Asia Tour และ Symphonic Anime 2024
perfume concert symphonic anime 2024
ใครจะไป นึกฝันว่าวันที่ 13 และ 14 กรกฎาคมจะเป็นวันที่เจ้าของบล็อกต้องไปคอนเสิร์ตวันละหนึ่งตัว 55555 เคยคิดว่าเป็นคนไปคอนเสิร์ตไม่บ่อยนะ ไปๆ มาๆ ตั้งแต่ถือคติ เค้าคงมาไทยไม่บ่อย สุดท้ายไอ้เราก็ไปเยอะเหมือนกันนี่ฝ่า 🤣🤣🤣 แต่ความจ้อจี้ล่าสุดคือเป็นสัปดาห์ที่ทั้งเสาร์อาทิตย์ต้องไปดูคอนเสิร์ตทั้งคู่ ว่าบาป งานมันตั้งกะเดือนกรกฎาคม เพิ่งจะมาเขียนเอาซะปลายกันยาขนาดเนนน๊ ว่าแล้วขอเขียนรวบสองคอนเสิร์ตนี้ในบทความนี้ทีเดียวไปเลยแล้วกัน
(คอนเสิร์ต Perfume อนุญาตให้ถ่ายภาพได้)
สารบัญ
วันเสาร์ 13: Perfume ‘COD3 OF P3RFUM3 ZOZ5’ Asia Tour 2024
พูดถึง Perfume วงสไตล์ดนตรี Electronic จากญี่ปุ่นที่ยืนระยะวงมายี่สิบปีแล้ว พร้อมท่าเต้นบนส้นสูงแสนท้าทายที่ไม่ได้เต้นกันได้ง่ายๆ จู่ๆ สาวๆ ก็ประกาศ Asia Tour โดยเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ทัวร์สุดท้าย เราผู้ซึ่งเป็นผู้ฟังเพลงของวงนี้บ้าง (อินช่วงอัลบั้ม LEVEL3) ถึงแม้จะไม่ใช่แฟนคลับตัวยงขนาดเท่าที่เราตามวง LOONA, Sugababes ก็ตาม แต่แหม โอกาสแรร์ในแรร์ซะขนาดนี้ ไม่ต้องบินไปไกลถึงไหน มันก็ต้องไปตำกันหน่อยเซ่ะะะ
คอนเสิร์ตตัวนี้จัดที่ฮอลล์ UOB LIVE บน EMSPHERE เคยไปห้างนี้ก็ตอนไปดูงานแสงสี Disney Immersive Experience ที่จัดคนละชั้น แต่ถ้าฮอลล์ตัวนี้ไม่เคยไปย่างกรายเลยแฮะ เพราะช่วงที่เคยทำงานอยู่แถวนั้น พื้นที่ตรงนี้มันก็ปิดอยู่ ไม่ได้ก่อสร้างอะไร
ตัวคอนเสิร์ตมีให้เลือกสองโซนคือโซนยืนและนั่ง (และที่นั่งในฮอลล์นี้มีน้อยมั่ก) หลังจากรู้ซึ้งกับการยืนสองชั่วโมงไปแล้วกับคอน GARNiDELiA 2023(บล็อกบันทึกคอนเสิร์ต) รอบนี้จึงปักธงเลยว่า ยังไงก็ต้องกดบัตรนั่งล่ะฉัน 🤣🤣 ระหว่างกดก็มีรนตามประสา เพราะมันกดแล้วไปชนกับคนอื่น แต่สุดท้ายก็ได้เก้าอี้โซนนั่งสมใจอยาก
เมื่อไปถึงคอนเสิร์ต นอกจากบริเวณที่ขายของ กลุ่มแฟนคลับ Perfume สาขาไทยก็มี Fan project อย่างการให้มาเซ็นผ้าใบที่มีรูปวาดสาวๆ สวมกางเกงลายช้าง แต่นี่ก็ไปไม่ทันหรอกเพราะแวะไปทำธุระที่อื่นก่อน แต่เห็นโพสประชาสัมพันธ์ของเค้า นอกเหนือจากโปรเจกต์รูปวาดบนผ้าใบ ทางบ้านแฟนคลับก็ยังมีการให้สแกน QR Code ที่ปริ้นท์มาตัวโตๆ เพื่อเตรียมวิธีการอังกอร์อีกด้วย ทุ่มเทกันสุดๆ
นี่มัน beyond กว่าคอนเสิร์ตแล้ว !
เมื่อคุณเข้าไปนั่งจนกระทั่งคอนเสิร์ตเริ่ม และดูไปได้พักใหญ่ ก็ชักเข้าใจที่คนเคยรีวิวไว้ว่าควรมาดูคอนเสิร์ต Perfume สักครั้งในชีวิต เพราะมันทะลุกรอบความเป็นคอนเสิร์ตในรูปแบบที่เรา ๆ คุ้นเคย เพราะนอกจากการสาดแสดงสีเสียงแล้ว เค้าได้ผนวกความเป็นแสงสีและดนตรี เสียงร้อง ท่าเต้น อุปกรณ์บนเวที มาผสานเป็นการแสดงชุดๆ หนึ่งได้เลย ถ้าใครเคยไปนิทรรศการ TeamLab มันก็คล้ายๆแบบนั้น แต่ผสมผสานเพลงและการเต้นของสาวๆของ Perfume เข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเอาสแตนด์เดินได้ (ควบคุมด้วยไวไฟ ไม่ใช่คนลากข้างหลังเหมือนที่ตอนแรกเราเดากัน พอสแตนด์เริ่มเดินเป็น 360° คนถึงได้รู้ว่า เอ๊า ไม่มีคนลากอยู่ข้างหลังนี่ฝ่า 5555) จนมันเหมือนปืนบินคู่ใจ ที่เราเห็นตามอนิเมหุ่นยนต์เลย โดยสแตนด์เหล่านี้จะขยับ เดินได้ตามใจฉันประกอบกับยิงภาพ LED ด้านหน้า ซึ่งเมื่อมันแปรแถวพร้อมกับสามสาวแล้ว จากเดิมที่เราเห็นเพียงสามสาวสองขาตัวจิ๋วๆ บนเวที มันทำให้ Stage Presence (ตัวตนของสาวๆบนเวที) ขยายใหญ่ขึ้น จนการแสดงตราตรึงแบบละสายตาไม่ได้
นอกเหนือไปจากนั้นยังมีบางเพลงเช่น Spinning World ที่นำผ้าผืนกางลงมาคลุมและยิงโฮโลแกรมล้ำๆ ไปเล้ย(เสียงโฆษณาบอยปกรณ์) ทำให้สาวๆ ตัวโตขึ้นมาโลดเล่นบนผืนผ้า โดยคิวการเล่นแสงสีต่างๆ ไม่ว่าจะการหดขยายตัว จะประจวบเหมาะกับคิวท่าเต้นของสาวๆ จนสัมผัสได้ว่าไม่มีจังหวะผิดคิวเลยอาศัยความเป๊ะในการแสดงสูง(รึถ้ามีเราก็คงดูไม่ออกเอง) มันช่าง Automatic เต้นจนอยู่ใน Muscle Memory ไปเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับการปรับแต่งเสียงในฮอลล์ ณ ขณะนั้นที่ดันเบสซะฟีลตุบตับเหมือนกำลังนั่งอยู่ในผับมากมาย ฮาาา ตึ้บระดับสิบ สั่นสะเทือนไปทั้งอัฒจันทร์ที่คนดูนั่งอยู่ โดยเพลงที่เราจำ Performance ได้แม่นสุดคือ Edge (Delta Mix) ซึ่งไม่ใช่เพลงที่เราใส่ Fav list ไว้แต่ไหนแต่ไร อาจจะเคยฟังแล้วแต่ไม่ได้หยิบมาฟังซ้ำ จนเรียกว่าไม่คุ้นเลยก็ได้ 5555 จึงค่อนข้างอเมซิ่งที่เพลงวงนี้ตึ้บได้ระดับนี้เชียวเหรอ และการแสดงแสงสีต่าง ๆ ที่ส่งมาหาคนดูจนสติของเราได้หลุดเข้าไปในโมเมนตั้มของการแสดง เรียกได้ว่าทั้ง Immersive ในโมเมนต์นั้นและ Speechless เลยเพราะตอนนั้นในหัวประมวลผลไม่ได้แล้วว่า นี่เรากำลังดูการแสดงอะไรอยู่ เหมือนโดนดูดเข้าไปในอีกมิติ พูดอะไรไม่ออกเล้ยยย 🤣🤣🤣🤣
ช่วงท้ายๆ มีการให้อาสาสมัครแถวหน้าของเวทีที่ทราบภาษาญี่ปุ่น มาช่วยแปลประโยคกันสดๆ (เห็นเค้าว่าทำกันจนเป็นธรรมเนียมแล้ว) และส่งท้ายด้วยอังกอร์ดั่งที่บ้านแฟนเบสช่วยเก็งกันไว้ แม้จะมีคนตกใจกันเล็กน้อยที่อังกอร์เพลง The Light (คนดูไม่ได้คุ้นเพลงนี้มาก เนื่องจากมันอยู่ในอัลบั้มใหม่ด้วย การร้องตามเลยไม่ดังเหมือนเพลง Chocolate Disco, Polyrhythm)
กลับบ้านมา ได้ของติดไม้ติดมือมาคือเสื้อตัวนึง ทีมงานบิ๊วขายเก่งมาก 55555 ทีแรกว่าจะไม่เอา สุดท้ายได้มาเช้ยยย
วันอาทิตย์ 14: Symphonic Anime 2024
หลังจากตื้ดๆ แผ่นดินสะเทือนไปในวันเสาร์ เราก็มากันต่อในบรรยากาศแอร์เย็นนั่งฟังสบายๆ อย่าง Symphonic Anime 2024 กันบ้าง วันก่อนเข้าเมืองวันนี้มาม.มหิดล นครปฐมบ้าง 5555
การเดินทางสำหรับผู้ไม่ได้ขับรถไป
แม้สถานที่จะดูไกลแสนไกลสำหรับผู้ไม่รถขับส่วนตัว แต่ทางทีมผู้จัด 54ent ก็มักเตรียมรถบัสไว้ทั้งขาไปขากลับ เที่ยวละ 30 บาท โดยทั่วไปตารางเดินรสบัสคร่าวๆ จะตามในตัวอย่างโพสเฟสบุ๊กนี้ของผู้จัด ส่วนอันนี้(คลิก)คือประสบการณ์ตรงที่เราลองไปขึ้นรถบัสเองแต่เป็นคนละงานนะ (BTS วันนั้นดันเสียอีก ชีวิตตต 5555)
Symphonic Anime เป็นงานคอนเสิร์ตดนตรีออเคสตร้าที่บรรเลงเพลงอนิเมะ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาก็จับธีมเพลงอนิเมดัง ๆ ไป รอบนี้เค้ามาในโจทย์ที่ต่างออกไป นั่นคือตั้งโจทย์งานเป็น หุ่นยนต์ แล้วจะเล่นดนตรีในงานนี้ที่เกี่ยวข้องกับอนิเมหุ่นยนต์นั่นเอง
แรกเริ่มเดิมทีเราก็เป็นชาวดูการ์ตูนที่ไม่ถนัดดูอนิเมแนวหุ่นยนต์เท่าไหร่หรอก ถ้าเปลี่ยนช่องเจอก็อาจจะกดข้ามๆ เลย ฮาา ไม่รู้สึกถึงแพชชั่นในการดูอนิเมหมวดนี้นัก ความจ้อจี้ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อคุณไปนั่งดูกระทู้ที่เค้าเรียงเพลงอนิเมยอดนิยมที่ร้องในห้องคาราโอเกะ(จำไม่ได้แล้วว่าสำนักไหน) ซึ่งในอันดับ Top 5 มันมีเพลง Lion (Macross Frontier) ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเราจึงไปลองหาฟังดูแล้วดันติดใจ 5555 ทำไมเพลงมันถึง Catchy ได้ขนาดนี้ แถมดูลำดับภาพใน OP ก็ดูน่าสนใจ ทำไมมีสาว ๆ มาถือไมค์ร้องเพลงแต่ข้างหลังหุ่นมันตีกันอยู่ฟะ โซยูนีคคค 5555 เลยถือเป็นการทลายกำแพงชั้นแรกและเริ่มดูอนิเมหุ่นยนต์ ภูมิแพ้การ์ตูนหุ่นยนต์ของเราจึงได้ค่อยๆ หายไป (ขนาดนั้นเลยนะ 55555) จนตอนนี้ทยอยดูซีรีส์ Macross จนแทบจะครบทุกภาคแล้ว ไม่ได้ดูแค่ Macross ภาคแรกที่มี 36 ตอน กับภาค 7 ที่มี 49 ตอน มันเยอะเกินดูไม่ไหวจริง เลยดูเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์ Recap เอาแทน ไปดูคอนเสิร์ต Walkure Last Mission 2023 ในโรงหนังอีกต่างหาก (อันนี้ก็แปลกใจที่เค้ามาถ่ายทอดสดในโรงไทยด้วยแฮะ)
เมื่อคุณลองมาส่องเพลงที่เค้าหยิบมาโฆษณาเป็นน้ำจิ้มก็ค่อนข้างแปลกใจในระดับที่มาก ถึงมากม้ากกกกก เพราะนี่มันเพลงที่โอกาสจะได้ฟังสดๆ “ในประเทศไทย” มันช่างแรร์แสนแรร์ จนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าโอกาสหน้าจะมีโอกาสได้ฟังรวมมิตรเพลงหายากแบบนี้อีกมั้ย
ไปกันที่เพลงแรกก่อนเลยคือ
Dance of Curse (OST.Escaflowne)
จะเรียกว่าเป็นการ์ตูน Isekai รุ่นพี่ยุค 90s จะแซวว่าเป็นแนวต่างโลก before it was cool ก่อนที่ยุคนี้จะฮิตแนวต่างโลกจนแตกแตนก็ได้ 55555 เราไม่เคยดูเรื่องนี้หรอกแต่แค่เคยฟังดนตรีประกอบ ด้วยความนี้ประพันธ์โดยคุณ Yoko Kanno ผู้เคยแต่งเพลงให้ Macross Frontier, Macross Plus, Cowboy Bebop, Ghost in the Shell SAC) เราจึงสวนทางไปเจอผลงานของเธอบ่อย เลยมีโอกาสได้ไล่ฟัง Original Sountrack ที่เธอแต่งนั่นเอง
โดยแทร็ค Dance of Curse แค่คุณเริ่มฟังเพลงไปสักพัก คุณคงสัมผัสได้ว่า …เพลงนี้เล่นยากแหง ๆ เลยฟ่ะ ไหนจะที่ฝั่งสตริงจะต้องสีกันจนมือเป็นระวิง สอดประสานกับจังหวะที่ตัวกลองทุบลงมาและคณะประสานเสียงร้องโหยหวนสวดส่งจนท่วงทำนองสามารถกระชากวิญญาณคุณขึ้นสวรรค์ได้ นี่เป็นการอุปมาอุปไมยนะทุกคน 5555 แต่เราจะบอกว่าประสบการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องเกินเลยเท่าไหร่ แม้มันอาจจะไม่ถึงกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง (แต่บางคนอาจจะรู้สึกดำดิ่งไปกับท่วงทำนองจนเรียกว่าสติไม่อยู่กับตัวก็ได้ ถ้าคุณเป็นผู้ฟังไทป์นั้นน่ะนะ) แต่ใน ณ โมเมนต์นั้นที่เราได้ยินทั้งเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้องมันประสานกันแล้วนั้น มันคือสุดยอดงานประพันธ์ที่รู้สึกว่าเป็นบุญหูจริง ๆ ที่ได้ฟัง แถมเสียงบรรเลงออกมาชนิดเหมือนเดี๊ยะจนนึกว่ากินแผ่นออกมาเลยด้วยซ้ำ
เพลงนี้เคยมีวงออเคสตร้าอื่นเล่นตาม Youtube อยู่บ้าง แน่นอนว่าจะฟังเวอร์ชั่นไหนก็รู้สึกได้ถีงความศักดิ์สิทธิ์ สมฐานะกับเมโลดี้เพลงที่ทำให้รู้สึกว่าชั้นสูงราวเทพเจ้าเสียจริงๆ ฮาาา
VOICES (OST.Macross Plus)
สำหรับแฟนๆ Macross หากเขาว่า Do you remember love คือเพลงชาติมาครอสภาคแรก. Seventh Moon เป็นเพลงชาติ Macross 7. เจ้า VOICES ก็คือเพลงชาติประจำ Macross ภาค Plus เพราะมันคือ Main Theme ของเรื่องที่ร้องโดยนางเอกประจำภาค: Myung Fang Lone ซึ่งผู้ให้เสียงร้องในชีวิตจริงคือ Akino Arai ผู้ซึ่งเราเคยสวนทางกับเค้าครั้งหนึ่งในเพลง Ending ประกอบ Tokyo Underground อย่าง Kakusei Toshi ที่ฟังแล้วชวนผ่อนคลาย สงบจิตสงบใจ
นอกเรื่องกันสักนิดว่า ถ้าเราจะแนะนำคนที่ยังไม่เคยเข้าวงการดูอนิเมหุ่นยนต์ชุด Macross มาก่อน ไบแอสของเราจะแนะนำให้เค้าดูสองภาคคือ Macross Frontier (ภาค TV 25 ตอน) และ Macross Plus นี่แหละ (ฉบับ OVA)
ทาง Plus เองมีวางฉายเรื่องนี้ในสองเวอร์ชั่น คือแบบภาพยนตร์กับ OVA 4 ตอน (ตอนละ 40 นาที) เหมือนเค้าว่ามันมีจุดต่างกันเล็กๆ น้อยๆ เช่นในส่วนของกราฟฟิกหรือภาพยนตร์เพิ่มฉากใหม่ๆ แต่มีบทสรุปลงเอยที่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าอยากดูให้ครบๆ เดินเรื่องไม่เร่งไม่หั่น มีเวลาตกตะกอนกับตัวละครด้วย เราจึงเชียร์ฉบับ OVA มากกว่า แม้ว่าถ้าจะไปดูฉบับภาพยนตร์เลยก็ไม่เสียหายอะไร (หรือจะเป็นสายสะสม ดูมันให้ครบทั้งสองฉบับไปเลยก็ได้ 55555) ภาคนี้มีความเล่นกิมมิค Vtuber ผู้มาก่อนกาลอีกนะ เอ้อ 5555 นั่นคือนางเอกต้องไปนอนเป็นมันสมองให้กับอวาตาร์ไอดอล Sharon Apple เวลาขึ้นคอนเสิร์ตเพราะตัว Sharon มีจุดบกพร่องในอารมณ์มนุษย์,กระบวนการคิด ตัดสินใจเองไม่ได้ จึงยังต้องมีมนุษย์มาช่วยคุมบังเหียนในส่วนนี้ ซึ่งจุดอ่อนนี้เองที่เป็นตัวขับเคลื่อนเนื้อเรื่องที่ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น
ภาค Frontier เป็นภาคในซีรีส์ Macross เจนหลังๆ ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จพอสมควร บทสนุก (แข็งแรงกว่าภาค Delta) เพลงก็จัดหนักจัดเต็ม มีเพลงที่ร้องได้จำได้เป็นสิบๆ เพลง ดังนั้นจึงไร้ข้อโต้เถียงว่าทำไมคนถึงอวยภาคนี้กันเยอะ แต่ที่เราไบแอสภาค Plus ส่วนตัวนั่นเพราะตัวละครในเรื่องมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เป็นพวกมีการมีงานทำแล้ว จบจากโรงเรียนและแยกย้ายกันไปเติบโต ดังนั้นวุฒิภาวะของตัวละครในเรื่องจึงเป็นอะไรที่เราดูแล้วรีเลทกว่า แต่ด้วยความที่ซีรีส์ Macross มันก็ผูกกับความรักสามเส้า เลิฟไลน์ในภาคนี้จึงมีความเน่าสุดจิตสุดใจประหนึ่งเรากำลังดูละครหลังข่าว 5555 แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกประดักประเดิดหรือทนไม่ได้จนต้องกดปิด เพราะมันก็มาถัวผสมๆ กับองค์ประกอบอื่นจนทำออกมาได้อย่างลงตัวนี่แหละ
Fun Fact: Macross Plus เป็นผลงานกำกับของ Shinichiro Watanabe โดยมีผู้ประพันธ์เพลงคือกับ Yoko Kanno ก่อนที่ทั้งสองจะกลับมาร่วมงานกันใน Cowboy Bebop(รีวิว)
อ่ะ กลับเข้าฝั่งกันได้รึยัง หลังจากขายภาค Plus ไป 55555 แม้ภาค Plus จะฉายในปี 1994 ไล่เลี่ยกับภาค 7 (Macross 7 คือชื่อภาคเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามันเป็นภาคลำดับที่ 7 เหมือนพวกเกมส์ Rockman X7 แบบนั้นนะ 55555) แต่ด้วยเหตุผลใดๆ ไม่ทราบได้เพราะตอนนั้นยังแบเบาะมาก 5555 แต่จากปากคำที่รุ่นพี่พูดต่อๆกันมา เหมือนภาค 7 จะดังเป็นพลุแตกในบ้านเรา เห็นว่าภาค 7 มีฉายในทั้งช่องเคเบิ้ล IBC และฟรีทีวีช่อง 7 บ้านเราด้วย ก็ดังถึงขนาดที่พี่ในออฟฟิศเราที่ดูการ์ตูนนะแต่ไม่ได้เป็นแฟนมาครอสยังจำได้ว่า ถ้าพูดถึงมาครอสต้อง…อะไรนะ ไดนาไมต์ๆ (คียเวิร์ดภาค 7) ในขณะที่ภาคพลัสแทบไม่มีใครพูดถึงให้เราได้ยินเท่าไหร่ จำนวนคนคุยตามเน็ตก็น้อยกว่าภาค 7 พอสมควร จนพอจะอนุมานได้ว่าภาคนี้คงไม่ฮิตเท่า 7 ในบ้านเรา
แน่นอนว่าพองานนี้หยิบเพลงนี้มาเล่นก็สะดุ้งสิ เพราะมันไม่ใช่ภาคที่ดังในวงกว้าง (มันเฉพาะกลุ่มลงมา) และจากที่เราไบแอสว่ามันคือภาคที่เราชอบจากที่อวยไปข้างบนๆ เอาสิฮะ ได้คะแนนโบนัสโบใจจากเราเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว 55555
ทีแรกเมื่อเห็นชื่อเพลง เรานึกว่าทางวงจะเล่นเป็นดนตรี Orchestra ล้วนแบบคลิปด้านล่างนี้ เพลงดนตรีล้วนใช้ชื่อว่า MYUNG Theme แต่มันคือเมโลดี้เดียวกันกับ Voices
เพลงมีความยาว 5 นาทีแต่หมัดเด็ดของเพลงคือตั้งแต่ 2:36 เป็นต้นไป หลังจากใช้เวลา build มาได้เกือบครึ่งเพลง เพลงก็ดันโมเมนตั้มขึ้นมา ก่อนจะไปอัดทับที่ฮึดสุดท้ายใน 3:31 นี่จึงเป็นแทร็กที่ตราตรึงใจเรามาก
ทว่าในงาน ก็เป็นดั่งที่เค้าว่าไว้ว่าเค้าจะแสดงเพลง Voices (เพลงร้อง) พร้อมแขกรับเชิญคุณแนน สาธิดา พรหมพิริยะ ผู้ที่เราเคยเจอเค้าจากงานคอนเสิร์ตปลายปีที่แล้ว Disney 100th Anniversary Orchestra: The Sound of Magic ในงานก่อน คุณแนนร้องเพลง When You Wish Upon a Star ครั้งนี้เธอมาร้องเพลง Voices ซึ่งเป็นโทนเสียงที่ต่างออกไปจากงานที่แล้วด้วย
พาออกทะเลก่อนจะไปเพลงถัดไปอีกสักนิดนึง ถ้าพูดถึงงานเพลงที่ Yoko Kanno แต่ง เราชอบอัลบั้มที่เธอแต่งให้ Macross Plus เป็นพิเศษ ซึ่งจุดเด่นของอัลบั้มคือมีความ Futuristic, Experimental ที่แต่งไว้ตั้งแต่ปี 1994 แต่มาฟังตอนนี้ก็รู้สึกว่าซาวด์ไม่เก่าเลย เราแนะนำเพลง Idol Talk (ที่เปิดมาด้วยเสียงฝูงหมูร้องค่อกๆก่อนจะพาไปสู่ดนตรีสไตล์ Fashionista พร้อมมโนว่าอยากจะเดินบน Catwalk สวยๆ วนในร้านเสื้อผ้ามากมาย) และอีกเพลง SANTI-U (เพลงนี้หมัดเด็ดคือ 3:14 -5:00 ที่ฟังแล้วน่าจะต้องสตั๊นไปตามๆกัน ว่านี่มันเพลงอะไรกันนี่ เหมือนโดนสูบเข้าไปมิติที่ห้า 55555 น่าจะอาการนั่งปากหวอเดียวกับที่ตัวละครในเรื่องนี้ไปดูคอนเสิร์ตของ Sharon แล้วนั่งอึ้งนี่ล่ะ 🤣🤣🤣)
Unicorn (OST. Mobile Suit Gundam Unicorn)
เวลาคนพูดถึง Soundtrack วงการอนิเมะ ต้องมีชื่อ Hiroyuki Sawano เจ้าพ่อดนตรีสไตล์ EPIC Action พูดถึงเป็นระยะๆ แต่ด้วยความที่สไตล์ดนตรีของซาวาโนะมีความ Electronic สูง(รวมไปถึงเสียงกระจุกกระจิกสังเคราะห์ต่างๆ) ทำให้หลายๆ เพลงหากดัดแปลงมาเป็น Orchestra มันอาจได้อารมณ์ไม่เต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวแบบเวอร์ชั่นต้นฉบับ (เว้นเสียแต่เราๆ จะถอดภาพจำเดิมออกไป แล้วมองว่านี่คือ Rendition แบบใหม่ไปแทน) ทว่า มันจะมีเพลงนึงที่เราฟังแล้วคิดเลยว่า มันเอามาลงวงออเคสตร้าได้โดยไม่ต้องดัดแปลงเยอะ นั่นคือเจ้า Unicorn เพลงที่เครื่องดนตรีเป็นแนว Orchestra ประสานกับคณะประสานเสียง ที่บิ๊วคนดูให้ชินทำนองก่อนจะไปขยี้จนขนลุกซู่ระดับ goosebump ในนาทีที่ 2:58 ของเพลง
ในหน้างานจริง วงเล่นได้หวือหวาชวนขนลุกดั่งต้นฉบับ แต่เหมือนจะตีโจทย์ให้ต่างออกไปจากเดิมบ้าง (เช่นมีไลน์กลองที่เพิ่มขึ้นมากว่าต้นฉบับ)
The Witch from Mercury (OST: Gundam: The Witch from Mercury)
มาที่ Gundam อีกภาคอย่าง
The Witch of Mercury ที่เพื่อนมาป้ายยาเราอย่างหนักหน่วง พร้อมบอกว่าไม่ต้องดูภาคอื่นมาก่อนก็รู้เรื่องน่า ว่าแล้วเราก็เลยได้ดู และเป็นภาคเดียวของกันดั้มที่ได้ดูจนจบ 55555 (ภาค UNICORN ที่เขียนไว้ข้างบนนี่ก็ฟังแต่เพลงเหมือนกัน ฮา) โดยวงหยิบเพลง The Witch of Mercury มาแสดง ซึ่งสำหรับใครที่ดูจะหลอนหูเพลงนี้ตรงที่มันเป็นเพลงในฉาก “ตัวอย่างตอนต่อไป”
ในคลิปด้านล่างนี้เป็นคลิปจาก Official ที่อัดการแสดงสองเพลง Highlight ของเรื่องอย่าง The Witch from Mercury, Asticassia ลึก ๆ แอบอยากให้วงเล่น Asticassia เหมือนกันแฮะ ถถถถ
นอกนั้นจะมีเพลงอื่นๆ ที่เราไม่ได้ติดตามเป็นการส่วนตัว เน้นม่วนจอยตามไวบ์เค้าไป มีทั้งเรื่องที่ไม่เคยดูบ้าง ดูผ่านๆ จนจำไม่ได้บ้าง หรือดูแล้วแต่ไม่เฟบเพลงเก็บใส่ playlist ก็มี เพลงอื่นๆ อาทิเช่น Heroic Age, Toward the Terra, Code Geass, EDENS Zero, GUNDAM SEED, Fafner, Iron Leaguer, Gunbuster, Evangelion 3.0, Gurren Lagaan เพลงที่หยิบมา (“Libera Me” From Hell) เป็นเพลงที่มีท่อน Opera ร้องสลับกับท่อน Rap ซึ่งทางวงก็เตรียมนักร้องสองฝั่งนี้มา Duet ได้เข้าท่าเข้าที
Medley ไทม์ไลน์อนิเมะหุ่นยนต์ในวงการญี่ปุ่น
ต่อจากนี้ คนดูจะเข้าสู่ช่วงฟัง Podcast “ประวัติศาสตร์ 8 นาที” ผ่างง เอ๊ยย ไม่ใช่ !! ในการแสดงเซ็ตนี้ ทางวงตีโจทย์โดยจะพาพวกเราย้อนอดีตไปขุดรากประวัติศาสตร์ยุคบุกเบิกของวงการอนิเมญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยยุคจอขาวดำ ว่าเรื่องแรกๆ มีรุ่นปู่รุ่นพ่อคนใดกรุยทางกันมาก่อนกว่าจะวิวัฒนาการมาถึงรุ่นหลังๆ ในปัจจุบัน
ซึ่งทางวาทยกร (อ.ออม ธนพล เศตะพราหมณ์) จะมีการพูดคุย ตัดสลับกับการเล่น Main Theme นั้นๆ ซึ่งบังเอิ๊นนนว่าในยุคนั้น พิมพ์นิยมของเพลงประกอบการ์ตูนรสมัยนั้นจะเป็นดนตรีแนว March และผู้ชายเสียงใหญ่ร้อง ประจวบเหมาะกับที่คุณ Waku Nakazawa ผู้มาร้อง Opera ให้ในเพลง From Beethoven 9 + The Wrath of God in all its fury ไปองค์ก่อนหน้านี้จึงได้มาร้อง Main Theme ให้กับ Medley ชุดนี้ยาวๆ ไปด้วย
ไม่ว่าจะ
Astro Boy → Tetsujin 28 → Mazinger Z → Getter Robo → Brave Raideen → Gundam
→ Macross (พร้อมกับ Catchphrase ของอ.ออมก่อนบรรเลงเพลงนี้ว่า “โลกสร้างยานมาครอสซึ่งมา” ซึ่งมันมาจากเนื้อเพลงไทยตอนที่มาครอสเข้ามาฉายในไทยยุคแรกๆ) → Transformers G1 → Raijin-Oh → Braves GaoGaiGer
บางเรื่องก็พอจะผ่านค่าหน้าค่าตาตามตุ๊กตุ่นที่มันวางขายที่สะพานเหล็กตอนเด็กๆ หรือได้อานิสงส์จากที่ไปอ่านนิยาย Ready Player One แล้วมันพูดถึงจนเราไปหาข้อมูลเพิ่มว่าคือเรื่องอะไรอยู่หรอกนะ 55555 แต่นอกนั้นก็รู้จักแบบเจอกับตัวเองอยู่ไม่กี่เรื่อง เช่น Tetsujin 28 ที่เคยดูเวอร์ชั่นรีเมคภาค Go (2004) ที่ Rose ซื้อลิขสิทธิ์เข้ามา, Astro Boy ที่เคยเล่นเกมส์ GBA ยังไม่เคยดูอนิเมเวอร์ชั่น 2003 (ส่วนอนิเม Pluto ที่เป็นอีกการ retelling เพิ่งฉาย 2023 ถือว่าไม่นับแล้วกัน)
ตอนแรกที่เห็นเค้าทยอยไล่ไทม์ไลน์แต่ละเรื่องมา ถึงกับมโนเล่นๆ เอ๊ะ หรือจะจ้อจี้มาเป็น Battle Medley ระหว่างซีรีส์ Gundam กับ Macross ดีนะ เพราะฉายช่วงปีไล่เลี่ยกัน แล้วก็ต่อยอดออกมาเป็นเฟรนด์ไชส์อายุยืน ถ้าสลับบรรเลงเป็นธีมของแต่ละเรื่องแต่ละภาคสับไปสับมา น่าจะเพลิน แต่เดี๋ยวสงสัยจะใช้ Air time ไปมากกว่านี้ 55555 แค่นี้ก็เหมือนจะเกินเวลามาพอตัว ฮาาา
หมดกันไปแล้วกับช่วงเพลงที่มีในประชาสัมพันธ์…แต่แต่แต่…มันยังเขียนห้อยไว้ในเว็บว่า “and many more!”
เพลงแถม เพลงลับที่ซุกซ่อนไว้
เอ๊าาา มีเพลงอะไรที่ยังไม่หยิบมาอีกละครับนี่ ซึ่งเอาดีๆ ถ้าเก็งๆ กันไว้ มันต้องทายถูกสักเพลงบ้างล่ะ เพราะมันต้องหนีไม่พ้นเพลงชาติเลือดเหล็กไหลไม่ว่าจะ Cruel Angel’s Thesis เอย Sousei no Aquarion เอย (ละสองเพลงนี้มันเป็นเพลงติดท็อปชาร์ทคาราโอเกะสำนักเดียวกันกับเพลง Lion ที่เราเล่าไว้ด้านบน โดยสองเพลงนี้คือ Top 2 ด้วยนะ 5555 แต่ Cruel Angel’s Thesis เป็นอันดับหนึ่งชนิดทิ้งอันดับสองห่างขาดลอยหลุดลิ่ว)
เพลงซ่อนเอวามีเยอะ เพราะโฆษณาเขียนไว้เพลงเดียว นอกจากจะเล่นเพลงชาติก็ยังเล่นเพลง Rei I, God’s Message, Dies Irae อีกด้วย แต่ทางนี้ไม่ได้เป็นแฟนเพลง Soundtrack EVA เท่าไหร่ เลยจำได้แต่เพลง Decisive Battle (ที่ซาวด์เพลงไปคล้ายๆกับ Take the Lektor ของ James Bond จนคนแซวกัน ฮา) ซึ่งอ.ออมก็เคยบอกไว้ว่าจริงๆ Decisive Battle ก็เคยอยู่ในลิสต์น่ะแหละ แต่ต้องจำใจปัดตกรอบไป
และด้วยความที่ปี 2024 ครบรอบสามสิบปีหลายเรื่องไม่ว่าจะ Magic Knight Rayearth (จู่ๆ ปีนี้ก็ประกาศรีเมคเฉยเลย !) หรือ Macross 7 (ที่ล่าสุดมีประกาศคอนเสิร์ตและออกซิงเกิ้ลใหม่ครบรอบ 30 ปี) ว่าแล้ว วงจะรออะไร ก็เล่นเพลงของสองเรื่องนี้ไปเซ่ะ 5555 (ภาค 7 ใส่มาสองเพลงเลยคือ Sweet Fantasy, Light the Light)
นับว่าเป็นคอนเสิร์ตดุริยางค์ฉบับจัดหนักจัดเต็มแพชชั่นชาวเลือดเหล็กไหล ที่ถึงแม้เราจะไม่ได้เลือดเหล็กไหลขนาดนั้น (ก็จากที่พิมพ์ๆ ไป เราดูอยู่ไม่กี่เรื่อง ฮาาา) แต่ก็สัมผัสได้ถึงการตั้งใจเสกสรรปั้นแต่ง Playlist ต่างๆ หรือความเกริ่นท้องเรื่องเพื่อจะตั้งใจพาไปสู่หมัดฮุคอย่างเพลงที่ต้องการจะบรรเลงจริงๆ บางตัว
ถือว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ นัก เมื่อพิจารณาจากทั้งตัวเพลงและสถานที่ ใจลึก ๆ ก็แอบเสียดาย เพราะอยากให้ทางวงรีรันโปรแกรมนี้อยู่เหมือนกัน อาจจะหยิบบางเพลงไปผสมโรงในครั้งถัดๆ ไป หรือคอนอื่น ๆ ที่ต่างประเทศบ้างก็ได้ เพราะหลายๆ เพลงที่ได้ฟังวันนี้ ให้นึกเองก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเราจะมีโอกาสได้ฟังเพลงแบบนี้สด ๆ อีกครั้งหน้าเมื่อไหร่
ก่อนจากกัน ทางงานมา Session แจกลายเซ็นกับนักแต่งเพลงที่บินมาร่วมในงานวันนี้ ซึ่งหลายๆเพลงที่บรรเลงในวันนี้ก็เป็นผลงานของเหล่านักแต่งเพลงเหล่านี้นี่แหละ (ทีแรกแอบลุ้นว่าคุณป้าโยโกะจะมาด้วยมั้ย เพราะเพลงคุณป้าก็ออกมาหลายเพลง แต่สรุปไม่มาแฮะ ฮาาา)
คลิป Live บอกเล่าเบื้องหลังคอนเสิร์ตจากอ.ออม
สำหรับใครที่อยากฟังเบื้องหลังของคอนเสิร์ต Anime Symphonic 2024 เพิ่มเติม ทางอ.ออม ก็ออก Live สองชั่วโมงกว่าจุกๆ เพื่อบอกเล่าเบื้องหลังตั้งแต่การไปติดต่อขอลิขสิทธิ์เพลงมา การแกะโน๊ตกันใหม่ เพราะหลายๆ เพลงมันเก่าจัดจนโน๊ตมันสูญหายไปตามกาลเวลา การปรับแต่บางท่อนบางคีย์ของเพลงเพื่อให้เหมาะสมกับตัวนักร้อง
จบกันไปแล้วกันบันทึกสัปดาห์คอนเสิร์ตสัญจรในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา …แต่เพิ่งจะมาเขียนจบเดือนกันยา ตลาดวายหมดแล้ว โถถถ 55555
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
🎬 [รีวิวสั้น] หนังเพลงเก๋าๆ: Footloose/Flashdance/Grease
🪜 รีวิว West Side Story The Musical ละครเวทีที่พร๊อพจะแย่งซีนเกินไปแล้วนะ
🎧 บล็อกหัวข้อ เราฟังเราแนะนำ โดย GleeGMJournal
🎹 บันทึกคอนเสิร์ต Disney 100th Anniversary Orchestra: The Sound of Magic+วิธีเดินทางไปมหิดลสิทธาคาร
🌠 บันทึกคอนเสิร์ต GARNiDELiA 2023 คอนเสิร์ต Anisong ในไทยของเราในรอบ 8 ปี !
🎹 บันทึกคอนเสิร์ต David Foster & Friends Bangkok 2023 ตัวเก๋า ตัวพ่อ และผองเพื่อน
🌙 รีวิว Luna The Musical วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าไปเจอเสียงเพลง @ Emquartier
🔑 ติดตามบล็อกประสบการณ์ดนตรีและเสียงเพลงอื่นๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/music-talk/
🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📖 รีวิวBook หนังสือ |🎧 รีวิว Music ดนตรี | 🎬 รีวิว Film Series หนัง ซีรีส์
📊 Data Analytics – Tech | สารพันวงการ Data และเรื่อง Techๆ | 🪴 สารบัญรีวิวทุกประเภท All Reviews
perfume concert symphonic anime 2024
perfume concert symphonic anime 2024