รีวิว อนิเม Wonder Egg Priority คอนเซปต์สภาวะจิตอันทะเยอทะยานท้าทายที่สุดท้ายก็ล้มไม่ลุก

wonder egg priority official poster
ปก Official ของ Wonder Egg Priority

รีวิว Wonder Egg Priority

🥚 ปีที่แล้ว หนึ่งในอนิเมะที่คนชมกันระหว่าง on-air เยอะมาก แต่ช่วงท้ายทุกคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตอนท้ายของเรื่องมันช่างบรรลัยวายป่วงชวนผิดหวังซะจริง” เราเลยอยากมาพิสูจน์ว่ามันเป็นยังไงเพราะเราเองก็เห็นหน้าหนังของเราว่า concept น่าสนใจ สตูดิโอ CloverWorks พอวางใจ แถมยังเล่นในประเด็นของสภาวะจิต, จิตวิทยา, ความฝัน, การถูกกลั่นแกล้ง, ปัญหาการฆ่าตัวตาย ที่ชวนให้คิดว่าหากมันผสมออกมาได้ลงตัวจริง มันคงสนุกและคงเป็นที่กล่าวขานในเวลาต่อมาแน่นอน แล้วสรุปมันดีจริงมั้ย มาพิสูจน์กันดีกว่า

⚡⚡ หมายเหตุ: เนื้อหาในรีวิวนี้มีการพูดถึง การถูกกลั่นแกล้ง, การจบชีวิตตัวเอง ⚡⚡

โอโตะ ไอ กับภารกิจชุบชีวิตเพื่อนที่เธอรัก

เนื้อเรื่องย่อ

โอโตะ ไอ เธอมีตาสองสี (Heterochromia เป็นโรคทางพันธุกรรมอย่างนึง) เธอไม่ค่อยมีเพื่อนคบและมักถูกรังแกเป็นประจำ ต่อมาเธอได้พบกับเพื่อนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ โคอิโตะ นานาเสะ และได้สนิทชิดเชื้อกับเธอ ต่อมาไม่นาน นานาเสะได้ฆ่าตัวตาย นั่นยิ่งทำให้โลกของไอแตกสลายลงไปอีก หลังจากนั้นไอได้ถูกชี้นำจากเสียงเพรียกปริศนาเพื่อมาพานพบกับไข่วิเศษใบนึง เมื่อเธอทำไข่ใบนี้แตกในโลกแห่งความฝันของเธอ เหยื่อจากการถูกกลั่นแกล้งจะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับคู่กรณีของเหยื่อนั้นๆ ออกมาวิ่งไล่ล่าเหยื่อ คู่กรณีจะออกมาเป็นตัวละครหน้าโมเสก (ก็ดีที่ทำให้ดูไม่ต้องลงรายละเอียดหน้า รายละเอียดหน้าตัวละครเหล่านี้มันก็ไม่ได้สลักสำคัญถึงกับต้องมีดีเทลหน้าของแต่ละตัว แต่เข้าใจคิดใช้หน้าโมเสกเพราะมันสร้างบรรยากาศชวนขนลุกไปในตัวด้วย) คู่กรณีสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดได้ ไอต้องช่วยปราบพวกช่างบูลลี่เหล่านี้เพื่อสะสมแต้มบุญไปเรื่อยๆ เมื่อถึงแต้มบุญที่กำหนด เธอจะสามารถชุบชีวิตเพื่อนสนิทคนเดียวของเธอ นานาเสะ ได้ !

Image
บอสบูลลี่ที่เหล่านักฟักไข่ต้องปราบในแต่ละตอน

ความรู้สึกหลังดูจบ

ตามที่เกริ่นไว้ย่อหน้าแรก หูยยย Concept น่าสนใจมาก นำการชุบชีวิตมาเป็นเหตุผลในการดำเนินภารกิจของตัวละคร ไม่ใช่แค่ไอคนเดียวที่ต้องการชุบชีวิตเพื่อน เธอยังได้พบเพื่อนร่วมทางยอดนักฟักไข่คนอื่นๆ (นักฟักไข่นี้เราเรียกเอง ไม่ใช่คำศัพท์ในเรื่องหรอก 5555) ได้แก่ โมโมเอะ ซาวากิ, คาวาอิ ริกะ อดีตไอดอลที่ต้องการชุบแฟนคลับของเธอ, โอนุมะ เนรุที่อยากชุบเพื่อนที่กำลังนอนโคม่าในแคปซูลจากการวิจัยที่ผิดพลาด จะว่าไปมันชวนให้คิดถึง สาวน้อยเวทย์มนตร์มาโดกะ ที่เรื่องนั้นมีการปราบแม่มดในแต่ละตอนเพื่อสะสมพลังงานให้ถึงเป้าที่กำหนดไว้ เมื่อสะสมได้ถึงเป้าหมาย พวกเธอจะสามารถขอพรวิเศษได้ 1 ข้อ แต่ฉากต่อสู้ใน WEP ดูแล้วรู้สึกเจ็บจริง ช้ำจริง ไม่ใช้ stand-in, สลิง, สตั๊น มีความดิบกว่ามาโดกะตรงที่ถึงแม้พวกเธอจะมีไอเท็มประจำตัวที่แปลงเป็นอาวุธได้ เช่นไอมีปากกา 4 สีที่แปลงเป็นดาบ (ยังกะ keyblade ในเกมส์ Kingdom Hearts 555) หรือคัตเตอร์ของริกะที่เธอพกไว้ตลอดเวลา สามารถแปลงเป็นดาบและปาแบบบูมเมอแรงได้ แต่เวลาพวกเธอโดนมอนสเตอร์อัดลอยไปชนฝาผนังก็คือเจ็บจริง ซี่โครงช้ำ หนักหน่อยถึงขั้นนอนซมใน ICU พักฟื้นหลายคืนก็มี ในขณะที่มาโดกะรู้สึกว่ามันดูเจ็บแค่เวลานั้น ไม่ช้ำนานเหมือนเรื่องนี้ (มาโดกะมีแค่ฟกช้ำระหว่างสู้เล็กน้อยแล้วกระโดดไปอีกขั้นคือสู่ขิต 5555 แงงง)

ปากกา 4 สีของไอที่แปลงเป็นดาบได้ ในบางโอกาสสามารถพลิกแพลงของรอบตัวมาเป็นอาวุธ


ภูมิหลังของ 4 ตัวละครหลักต่างมีปมที่แตกต่างกันไป ไอมีปมเรื่องเพื่อนที่จากเธอไปกับคุณครูศิลปะที่ยังคงมาวนเวียนในชีวิตของเธอ ริกะที่ไม่รู้ว่าพ่อแท้ ๆ เธอเป็นใครและปัญหาส่วนตัวที่ทำให้เธอกรีดข้อมือตัวเองเป็นประจำ ซาวากิที่รู้สึกมีความรู้สึกขัดแย้งเรื่องการแต่งกายของตัวเองตลอดเวลา

โมเมนตัมช่วงแรกของเรื่องมันสนุก วางปมได้น่าค้นหา ไม่แปลกใจว่าทำไมคนอวยว่ามันมีสิทธิ์จะเป็น Anime of the Season ขึ้น ใน Ranking: Top Anime of the week เรื่องนี้ก็มาแรงยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Re-Zero และ Mushoku Tensei ชาตินี้พี่ต้องเทพซึ่งสองเรื่องหลังดัดแปลงมาจาก Light Novel อีกทีในขณะที่เรื่องนี้เป็น Original ในการจัด Ranking ตัวละครหญิงประจำวีคเหล่า 4 นักฟักไข่เองยังขึ้นท็อปไล่ๆ กันมาเสมอ ๆ

Ranking ประจำสัปดาห์ของตัวละครหญิงยอดนิยมใน Season นั้น

ทั้งมาโดกะและ WEP มีการเล่นถึงประเด็นจิตใจที่ดำมืดของตัวละครเหมือนกัน มาโดกะใช้วิธีสร้างบรรยากาศหลอนๆ ใช้งานภาพวาด, ตัดต่อมุมกล้องและลำดับภาพบางส่วนให้ดูแล้วรู้สึกขนลุก WEP แม้ไม่ได้ใช้ลำดับภาพที่ชวนหลอนหรือภาพวาดจัด ๆ (มีงานภาพวาดนิดหน่อยแต่ไม่เด่น) แต่การที่เราได้เห็นตัวละครมาพูดชีวิตของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย เช่น “แม่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อฉันคือคนไหน” “เพื่อนฉันฆ่าตัวตาย” “ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว โดนบูลลี่ประจำเลย” ก็ทำให้คนดูที่ดูในจังหวะนั้นจุกคออยู่ไม่น้อย (ยิ่งถ้าใครเผลออินหน่อยก็ดาวน์เอาได้) เพราะประเด็นเหล่านี้ ปัญหาชีวิตครอบครัวมันมีอยู่ทุกที่จริงๆ สิน่า ในบางตอน WEP ใส่ซีนแหวะชวนยี้ที่ถ้าใครดูและอินจัดนึกภาพตามไปอีกก็อาจจะสะอิดสะเอียนอยากอ้วกไปพร้อมกับตัวละครในเรื่องได้ตาม ๆ กัน

การเข้าใจลำดับและเล่าเรื่องให้คนดูรู้สึกสะอิดสะเอียนตาม
หรือขนลุกเงียบ ๆ ในบางครั้ง

เนื่องด้วยอนิเมเรื่องนี้มีการเล่นประเด็น สภาวะจิต, ความฝัน, Trauma ในใจ มันทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ ว่าแฟนตาซีเหนือโลกทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นกับตัวละครมันเป็นเพียง “จิตหลอน” ของตัวละครที่ต้องการสร้างภาพขึ้นมาปลอบประโลมพวกเธอเท่านั้นหรือไม่? มันชวนให้เราสงสัยเสมอว่าทีมเขียนบทจะสับขาหลอกเรามั้ย พูดแล้วนึกถึงหนัง Pan’s Labyrinth ที่

ถึงสุดท้าย

จุดบังเกิดความล้มไม่ลุกของ Wonder Egg Priority

ความจริงเริ่มปรากฏ เมื่อเข้าสู่ช่วง 3 ตอนสุดท้ายจากทั้งหมด 12 ตอน โมเมนตัมเริ่มเปลี่ยนทิศ
อนิเมใส่ตอน Recap 1 ตอน (เอาของเก่าจากตอนเดิม ๆ มาตัดต่อใหม่เล่าซ้ำ เหมือนทบทวนความจำคนดู) นั่นแปลว่าเนื้อเรื่องจริงๆ ใช้เพียงแค่ 11 ตอน ถือเป็นสิ่งที่แปลกสำหรับอนิเมะ 1 ซีซันที่เค้าไม่ค่อยใส่ตอน Recap กัน ที่เราเห็นส่วนใหญ่เค้าใส่สัก 1 ตอนให้อนิเม 2 ซีซันและอนิเม 2 ซีซันบางเรื่องไม่ใส่ Recap เลยก็มี !

เข้าสู่ตอน 11 เหมือนเนื้อเรื่องจะได้โอกาสอธิบายกลไกแฟนตาซีไข่วิเศษให้กับคนดูเสียที สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืออะไร ลาสบอสเป็นใคร

frill and
ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ภายในนั้นช่างบิดเบี้ยว


เราเริ่มได้เข้าใจที่มาที่ไปนิดนึง แต่เดี๋ยวก่อน…มาเฉลยในตอนรองสุดท้ายนี่มันเป็นการวางแผนบทที่ประหลาดจัด ๆ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้เลยจับใส่มา เราเริ่มเล็งเห็นถึงการบริหารโปรเจกต์ที่ผิดพลาดของงานตัวนี้ ไม่ว่าจะ pacing (จังหวะการเดินเรื่อง) ที่ดูสม่ำเสมอดีมาตลอดแต่จู่ ๆ เริ่มเล่าเรื่องกระชาก โพล่งปมทุกอย่างมาภายใน 1 ตอน ยังไม่พอ ! อนิเมมีการเลื่อนฉายระหว่าง on-air เนื่องจากผลิตงานไม่ทันวันฉาย (เป็นเรื่องปกติในวงการอนิเมที่จะเกิดเหตุการณ์นี้บ้าง ไททันซีซันแรกๆ ก็เคยมี แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเลื่อนบ่อย) +ข่าวที่ Staff มาลงทวีตแล้วลบไปว่า “พวกเขาทำงานหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล” (วงการอะไรกันนี่…) ประกอบกับบทสัมภาษณ์ Animator ฝรั่งที่ส่วนนึงให้สัมว่าเค้ามีโอกาสมาช่วยในโปรเจกต์นี้ก็เพราะทางสตูดิโอขาดแคลนบุคลากร โอ้โห นี่มัน mismanage ทั้งในด้านบุคลากร การวางไทม์ไลน์ การเกลี่ยบทให้สม่ำเสมอ หลังบ้านมีปัญหาขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่มันจะสะท้อนมาถึงผลงานการผลิตหน้าบ้านด้วย

wonder egg priority screenshot
สภาพคนดูที่ดูไปเกาหัวไปว่าทีมเขียนบทจะเอายังไง

กลับเข้าสู่เนื้อเรื่องตอนสุดท้าย ตอนที่ 12 อย่างที่รู้กันว่าตอน 11 เรา Infodump ใส่คนดูกันไปดื้อๆละ ใส่กลิ่นอายจากเดิมที่เป็นอนิเมแนว Psychology, Fantasy งวดนี้เพิ่ม Sci-fi เข้ามาอีก แล้วมันจะขมวดปมในอนิเม 20 นาทีที่เหลือยังไงล่ะนี่ !? ผลสรุปก็คือจบแบบค้าง ๆ ปล่อยทิ้งไว้กลางทางและวางแผนปล่อย OVA Special Episode เพิ่ม เพื่อที่จะเป็น Finale ปิดสรุปอย่างแท้จริง อ่า เรามีตอน Recap 1 ตอนไม่พอ ตอนจบก็ค้างคาเพื่อจะไปปั่นต่อใน OVA ที่จะตามมาทีหลัง โปรเจกต์ไฟลนก้นพอตัวแฮะ…

Finale OVA มีทั้งหมด 40 นาที ปรากฏว่า… 20 นาทีแรก Recap เนื้อเรื่องของ 12 ตอนแรก กว่าจะเดินเรื่องต่อคือ 20 นาทีหลัง… เดี๋ยวนะ แกจะเฉลยปมทุกอย่างที่ยัดมาเป็นภูเขาเลากาใน 20 นาทีเองเนี่ยนะ ?

wonder egg priority review thai
บทสรุปที่มาสรุปหรือมาทำให้คนดูฉงนต่อกันแน่ ?

20 นาทีสุดท้าย

OVA นี้จึงไม่ถือว่าตอบจุดประสงค์การสรุปเรื่องแต่อย่างใด หากจะบอกว่ามันต้องการเป็น“จบปลายเปิด” ก็ถือว่าค่อนข้างเล่าได้ลวกพอสมควร รวมไปถึง Pacing ที่ช่วง 80% รักษาระดับมาเป็นอย่างดี แต่จู่ๆก็กระชากกระโดดเล่าราวกับมีทิศทางเปลี่ยนบทกระทันหันยังไงยังงั้น

WEP เป็นอีกหนึ่งงานโปรดักชั่นที่ปูเรื่องอะไรไว้ต้นทางดี มีการหยอดประเด็นทางสังคมที่ดำมืดและศักยภาพด้านอื่น ๆ ที่สามารถฉายแววและแนะนำบอกต่อให้คนอื่นได้ หากเพียงสามารถวางแผนบทได้อย่างเหมาะสม แต่สุดท้ายไม่วายตกกัปดัก Pacing ที่ไม่สม่ำเสมอ, การวาง Script ไม่สมดุล เป็นโบว์ลิ่งล้างท่อไปอีกราย



งานภาพและงานเพลง

wonder egg priority review ending song
งานเพลง Ending

ภาพและเพลงคงเป็นสิ่งเดียวที่เราอวยได้ งานภาพสม่ำเสมอตลอด เงาแสงวิ๊งวับ ตัวละครยืนเฉยๆ หน้าไม่เบี้ยว งานเพลงฟังได้พอประมาณ ไม่ได้ถึงกับชอบจนถึงกับเอาใส่ Playlist สตรีมมิ่งเราไว้ ส่วน Original Soundtrack หาฟังเป็นอัลบั้มไม่ได้เลย เลยฟังได้แค่ตอนมันอยู่ในอนิเม มันมีธีมบางส่วนที่ไอสู้กับสัตว์ประหลาดในเรื่อง จังหวะจะโคนเพลงการรัวกลองชวนนึกถึงธีมบอส Kingdom Hearts แบบฉบับกลิ่นที่ Yoko Shimomura ทำไว้เหมือนกันนะ 5555

เนื่องจากอนิเมเรื่องนี้มีกลิ่น Slice of Life ในบางซีนที่ตัวละครมีความเฮฮา ใช้ชีวิตสัพเพเหระ ตัวเพลงธีมฟังสบายๆ เรื่อยเปื่อยในชีวิตประจำวันจึงมีเข้ามาด้วยเช่นกัน

wonder egg priority review thai Ooto Ai
หวังว่าผู้ชมที่ดูมาจนจบจะงงเหมือนที่หนูงงนะคะ !

คะแนน (5/10)

ภาค TV: 6
OVA ตอนจบ: 4
คะแนนเฉลีย: 5

สรุป

สรุป รีวิว Wonder Egg Priority —มันเป็นเหมือน Project ที่ทิศทางไม่แน่นอน ไม่ได้วางแผนตั้งแต่ต้นจนจบหรือไม่ก็มีการเปลี่ยนทิศทางกลางคัน(และอะไรอีกต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นเบื้องหลังที่คนดูมองไม่เห็นอีก) สะบักสะบอมมีบาดแผลแต่ทีมงานพยายามประคองให้พอรอดจนสุดทางแบบทุลักทุเล เสียดายงานภาพ, ประเด็นที่สอดแทรกและศักยภาพที่น่าจะเป็นผลงานที่คนหยิบมาแนะนำกันต่อได้แต่ก็กลายเป็นผลงานที่แค่พาคนตื่นเต้นเก้อในช่วงต้นแล้วฉุดล้มไม่เป็นท่าเสียอย่างนั้น สิ่งที่พอจะชมได้ในทุกตอนก็คงเป็นงานภาพที่ทำออกมาได้เพลินตาอย่างสม่ำเสมอ หากจะให้เราแนะนำบอกต่อว่าควรดูเรื่องนี้มั้ย? ขอตอบว่า ตราบใดที่ยังไม่มีซีซัน 2 มาแก้เกมส์ความโกลาหลวายป่วงนี้ล่ะก็นะ…ปล่อยผ่านไปดูเรื่องอื่นเถอะ” และหวังว่าครั้งถัดไปทีมงานจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค ไม่โดนโหมงานหนักจนเกินไปเหมือนคราวนี้อีกนะ

ดูเรื่องนี้ได้จากไหน ?

ดูฟรีได้บน bilibili.tv


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ


🔑 9 (2+7) เพลง อนิเมะที่ดนตรีแปลกในวงการ Anisong แถมติดหูอีกต่างหาก
🔑 Kageki Shoujo!! รีวิว อนิเม เมื่อสาวไอดอล 48 อยากผันมาเล่นละครเวที
🔑 Cowboy Bebop รีวิว อนิเมะคาวบอยอวกาศแจ๊ซซี่ที่คนดูสายเสพเนื้อเรื่องจบในตอนน่าจะชอบ
🔑 ติดตามรีวิวอนิเมะอื่น ๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/anime/
🔑 Find me in: Anilist | MyAnimeList

Loading

GleeGM

My journal on personal life and interests including Data Analytics 📈, Books 📚, Music 🎶, Basketball 🏀, Figure Skating ⛸, Anime, Film 📺, Tarot, Lenormand, Uranian Astrology🔮

You may also like...