รีวิวอนิเมะฉบับย่อ: Macross Delta Zettai Live!! / Spriggan / Ya Boy Kongming
รีวิว macross delta zettai live ya boy kongming paripi koumei spriggan
🎊🎊🎊 สวัสดีปีใหม่ 2566/2023 เริ่มกันที่บล็อกแรกของปีเลย 55555 ตอนแรกว่าจะทยอยเขียนบล็อกทีละตัวของสามเรื่องนี้แต่คงใช้เวลามากไปแถมคงไม่ได้คลอดสักที จึงขอรีวิวมัดแพ็คแบบสั้นๆ ไว้สามเรื่องเลยละกันครัช ไปดูกันเลย
1. Macross Delta Zettai Live!!!: หนังตัวสุดท้ายสั่งลาภาค Delta (7/10)
หนังสรุปจบเพื่อปิดฉาก Macross ภาค Delta ที่กินระยะเฟรนด์ไชส์นี้ราว 5-6 ปี เสียดายมิติตัวละครตัวร้ายที่สามารถเล่าลงลึกได้มากกว่านี้ แถมอุตส่าห์เอาคอนเซปต์ AI ของภาค Plus มาทำให้โมเดิร์นขึ้น เช่นมีการใช้คำศัพท์ Deep Learning ซึ่งเป็นศัพท์ในวงการ AI ที่ใช้กันในงานจริง แต่ไปๆ มาๆ องค์รวมมันช่างธรรมดาไปเสียหน่อย งานภาพออกแปลกๆ ดูเผาไปสำหรับเกรดหนังโรง บทเน้นดูปล่อย(ใจให้เอน)จอยเพราะช่องโหว่เยอะ 5555 แต่ผู้จัดกล้าเล่นมุกไม่กั๊กสักที นั่นคือ
การเชือดตัวละครหลักทิ้ง ซึ่งไม่ค่อยจะเห็นผู้จัดทำเท่าไหร่นอกจากวาร์ปตัวละครให้หายไปดื้อๆ มากกว่า
และผู้จัดลงรูทพระนางชัดเจนและกล้าเฉือนตัวละครฝั่งนักร้องออกจากเส้นเรื่อง ทีแรกนึกว่าจะกั๊กคล้าย ๆ เชอริลให้นอนเป็นผักไป (กั๊กเผื่อมาเขียนต่อยอดได้)และมีฉากจูบเสียที 5555 หลังจากที่ลุ้นว่าบอกรักกันขนาดนี้จนเค้าจะไปแล้วจะได้จูบมั้ยนะ สรุปจูบสมหวังจ้าา
แน่นอนว่ามีการวางเส้นเรื่องให้มู้ดดีขึ้นมาคือการที่ส่งไม้ต่อ แม้เฟรย์ย่าจะจากไปแต่ยังฝากเมล็ดพันธุ์ชิ้นใหม่อย่างทารกคนนั้น(ที่มิโนริพากย์เช่นเดิม 5555) นึกว่าบท Yamato 2205 สตาช่าตายแต่ส่งเด็กทารกให้ยูกิเลี้ยง 555555
เฟรย์ย่าถูกปัก death flag ในหนังตัวนี้หนักมากแต่เราก็คิดแล้วคิดอีกว่าผู้จัดจะกล้าเฉือนจริงมั้ยเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำมาก่อน(+ไว้เปิดช่องทำภาคต่อไรงี้) สุดท้ายแกก็เฉือนจริงซึ่งนั่นก็โอเค ดีไม่ใส่บท cheesy ชาวเมืองร้องเพลงยืดอายุให้เฟรย์ย่าได้เฉย จะดูฝืนมาก 5555
ประกอบกับมีซีนนักพากย์ร้องสดนอกเหนือจากเอาเพลงอัดทับ
ส่วนตัวเรามองว่า Delta จบสมบูรณ์ในเส้นเรื่องของมันเรียบร้อย จะจบแค่นี้ก็พอหรืออยากเข็นต่ออีกสักนิดก็ว่ากันไป แต่ทรงมันสรุปมาสวยกึ่งอิ่มตัว ฮายาเตะก็อยู่กับเด็กน้อยไป มันถึงเวลาที่เฟรนด์ไชส์จะได้เริ่มต้นกับภาคใหม่ได้แล้ว เหลือคอน Final Live Tour ตอนพค 2023 อีกรอบก็น่าจะปิดฉากภาคนี้จริงๆ ละล่ะ
สำหรับแฟน ๆ เฟรนด์ไชส์นี้ แม้ภาค Delta มี Plot Hole มากมายรวมถึงการดีลงานที่ไม่ลงตัวของทีมงานจนผลงานออกมาครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งภาพรวมมันด้อยกว่า Frontier แต่มันก็ยังมีส่วนดีๆ เป็นการยืนระยะของซีรีส์ที่ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด (จะฉุดมีนลงก็ครึ่งหลังของตัวทีวีซีรีส์เนี่ยแล) เพลงเจ๋งๆ หูทองมีออกมาเยอะ พบกันใหม่ภาคหน้า ภาค Delta ส่งไม้ต่อให้แล้ว
ตอนจบรู้สึกอินหน่อย ๆ ล่ะตรงที่
1.การเชือดบทตัวละครฝั่งนักร้องออก
2.ร้องเพลง Sora no Kakera แบบสดสั่งลาก่อนขึ้นจอดำ คูลดาวน์ได้เป็นอย่างดี
3.สัญญาณบอกคนดูว่าปิดฉากภาคนี้จริงๆนะ บ๊ายบาย เหล่านักพากย์จะไม่ได้แอคทีฟให้กับโปรเจกต์นี้เหมือนที่ผ่านๆมา ที่ถือชื่อนี้มา 5-6ปีแล้ว
4.ขัดรมนิดๆ ที่เปิดเพลง Sora no Kakera ไม่จบ กลางเครดิตเปิดเพลง Run ni Hanasaku โทนสดใสมาต่อ 555 นึกถึงตอนหนัง On Her Majesty Secret Service ตอนจบ จบเศร้านะใส่เพลง We have all the time มาคลอซะหมอง จู่ๆ กลางเครดิตใช้ Bond Theme ปลุกมู้ดเศร้าเช้ยยย 55555
ตอนจบมันไม่เหมือนภาค Sayonara no Tsubasa ของภาค F (ถึงแม้ชื่อจะซาโยนาระมาเลยก็เหอะ 5555)ที่เขียนกั๊กๆ ปลายเปิดต่อ เช่น อัลโต้จะกลับมาเปล่า เชอริลจะฟื้นมั้ย อันนี้คือเขียนมาชัดเจนมากๆ ว่าสรุปรูทเฟรย์ย่า/ฮายาเตะ ทุกคนร้องเพลงสั่งลาและปิดฉาก
ถ้าถามว่าอ้าวเด็กคนนั้นไงทำต่อได้น้า เรามองว่ามันเป็นสัญลักษณ์ว่าอย่างน้อยเฟรย์ย่าก็ยังทิ้งเสียงเพลงที่เธอถ่ายทอดให้เด็กคนนั้นให้คนดูและโทนเรื่องยังอมยิ้ม แต่มันไม่ต้องถึงกับมาเขียนต่อเป็นเนื้อเรื่องหลักอะไร แค่มีฮายาเตะพูดต่อบทกับเด็กคนนั้นที่ยอดเขาตอนท้ายเครดิตก็เพียงพอละล่ะ
มันชวนใจหายนิดๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราทันการตามซีรีส์มาครอสแบบฉายจริง ดูมันรันมาระยะเวลา 6 ปี ไม่เหมือนภาค F ที่เรารู้จักและไปตามดูย้อนหลัง พอรู้ว่าเส้นเรื่อง D กำลังจะจบ ต่อจากนี้นักพากย์แยกย้าย คงจะกลับมาร้องคอนตามโอกาสครบรอบบ้าง มันก็โอ้ เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ
เอาเข้าจริง ตอนท้ายก็น้ำตาซึม 5555 เพราะไม่คิดว่าคาวาโมริจะกล้าเชือดตัวละครหลักที่เป็นนักร้องออกจากเส้นเรื่องจริง ปกติต้องกั๊กไว้ให้ดู 50/50 ตลอด ไม่วาร์ปหายตัวไปก็นอนโคม่าแต่มันเป็นการเชือดที่เมคเซนส์แล้ว ต้องมาทางนี้แหละ ขลังดีด้วย
ปมตัวละครปริศนา Lady M ตั้งแต่ในซีรีส์ทีวีถูกหยิบมาขยี้จริงในหนังภาคนี้ สุดท้ายมีการบอกกล่าวว่ามันมาจากรหัส Megaroad-01 ยานที่ออกสำรวจอวกาศในไทม์ไลน์ซีรีส์ภาคแรกแต่หายสาบสูญในเวลาต่อมา…ซีรีส์นี้ขยันหายตัวกันจริง
ซึ่งยาน Megaroad นี้ มีตัวฮิคารุ, มิสะ, ลิน จากภาคแรกที่ขึ้นไปด้วย แฟนๆบางส่วนเคยสันนิษฐานว่าประเด็นตลคภาคแรกจะไม่แตะอีกแล้ว เนื่องจากคนพากย์ฮิคารุเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้จัดจึงอาจไม่ต่อยอดตรงนี้ต่อเพื่อให้เกียรติ
กลางหนังมีการเฉลยว่า Lady M ก็มาจากยานนี้แหละ แต่จะใครสั่งการหรือเป็นกลุ่มก้อนทางสติปัญญาก็ไม่ได้มีการฟันธง แต่แฟนๆก็คาดคะเนกันว่าหรือภาคต่อไปจะเป็นการลงเนื้อเรื่องส่วนนี้แล้วนะ หรือมันแค่จะมาเป็น easter egg ให้แฟนๆรุ่นเก๋าหายคิดถึง ได้แต่รอดูต่อไป
2. หนังสั้น Macross Frontier: Toki no Meikyuu (6/10)


หนังสั้น 12 นาที ที่พ่วงมากับ Macross Detla Zettai Live!!! เนื้อเรื่องต่อจากภาค “ปีกแห่งการจากลา: Sayonara no Tsubasa” ติ๊ดเดียว แบบติ๊ดเดียวจริงๆ ทำมาให้แฟน ๆ ภาค Frontier หายคิดถึง ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่พลาดอะไรไป เนื้อเรื่องกล่าวถึงจดหมายรักจากรันกะถึงเชอริลผู้ที่กำลังนอนเป็นผักและอัลโต้ที่สาบสูญไป+ขายเพลงใหม่ Labyrinth แหละ อย่างน้อยขอชมที่ทรงผมรันกะดูดีขึ้นกว่าภาคทีวี(มาก!)มีไฮไลท์สีผมด้วย 5555


โปรดักชั่น CG แข็งทื่อสำหรับงานฉายโรง ถึงมันจะเป็นแค่หนังสั้นฉายคั่นหนังใหญ่ Macross Delta Zettai ก็เถอะ ใดๆ ชอบไมค์รันกะอันล่าสุดนี้ ที่มันเหมือนพอยท์เตอร์ชี้สไลด์ 5555555555 ไมค์สองสาวมีเอกลักษณ์ทั้งคู่ ซึ่งที่จริงมันมีไมค์ทำขายจริงๆ ด้วยนะ ขายเป็นเซ็ตไมค์สองคนราคา ห้าหกพันได้ ฟังก์ชั่นมีปุ่มให้กดฟังเสียงอัดอีก เอ้อ เอาดิ 55555


อีกทั้งรอบนี้คนดูแซวรันกะว่าหูตูบไม่ได้แล้วนะ เพราะนางรวบหูเหลือฝั่งเดียว 5555 มีไฮไลท์สีผมด้วย ถือเป็นทรงผมที่ผู้ใหญ่ขึ้น มีพัฒนาการ ขอยกให้เป็นพัฒนาการทรงผมที่อัปเกรดเทียบชั้นกับหัวเห็ดอากาแนะในไซโคพาสได้เลย
3. Spriggan ภารกิจกู้โลกพิทักษ์โบราณวัตถุ (5/10)


อนิเมะที่ดัดแปลงจากมังงะชื่อดังยุค 90 ที่รอบนี้มาเป็น ONA แบบจบในตอน 6 ตอน สำหรับเราที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อ ทรงมันเหมือนเลือกหยิบภารกิจเด่นๆ ในมังงะมาใส่มากกว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับตั้งแต่ต้นจนจบ คนดูแทบจะไม่ได้ปูมหลังเซตติ้ง & ตัวละครอะไรเลยนอกจากลักษณะนิสัยแบบผิวๆ เน้นแต่เดินเรื่อง ดูพอแก้ขัดได้แต่ถ้าอยากได้ความสมบูรณ์ภายใน 6 ตอนจบที่มีความยาวตอนละ 40 นาที มันก็ไม่ตอบโจทย์เท่าใดนัก ออกจะขาด ๆ ดูแบบเลยผ่านเลย ถ้าจะให้ชมก็คงไม่พ้นงานเพลง Opening ที่ซาวด์อินเต๊อร์ อินเตอร์ คลิก
4. Ya boy Kongming / Paripi Koumei / ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว (7/10)


ไม่แปลกใจที่มีคนหยิบเรื่องนี้กับ Carole & Tuesday มาเทียบกัน ก็ Mood & Tone ของสองเรื่องนี้มันใกล้เคียงกันจริง เพลงที่ขงเบ้งร้องก็มีเพลงเนื้ออังกฤษชวนนึกถึง C&T อีก เนื้อเรื่องเล่นกับส่วนการผลิตงานเพลงด้วยเหมือนกัน C&T เด่นในเรื่องงานภาพแต่อ่อนในเรื่องตัวปมที่ปูมาอย่างหนักแน่นช่วงต้นแต่ปิดฉากอย่างโลกสวยจนดูตื้นเขินไป ตัวขงเบ้งเอง แม้บทจะเบากว่า มาในโทนดูสนุกๆ คลายเครียด แบบปล่อย(ใจให้เอน)จอย แต่มันก็ลงรายละเอียดในฝั่งการผลิตงานเพลงเป็นช๊อตๆ มากกว่าแถมยังมีการผสานมุกกลยุทธ์ในสามก๊กที่ถ้าใครอ่านสามก๊กมาก่อนก็อาจอมยิ้มที่มุมปาก (นี่ไม่ได้อ่านแฮะ) แต่ถึงกระนั้นมันยังเป็นงานที่ดูเรื่อยๆ มาเรียงๆ มากกว่า ไม่ได้ขี้เหร่แต่ก็ไม่ถึงกับห้าดาวขึ้นหิ้ง เสียดายที่เพลง Insert ในเรื่องน่าจะงัดมามีบทบาทในเรื่องได้เยอะกว่านี้แต่เพลงในเรื่องส่วนมากก็เปิดแป๊บๆ แล้วก็จากไปในขณะที่ C&T มีโมเมนต์ให้เราดื่มด่ำเพลงระหว่างดูได้อย่างจริงๆ จังๆ คงต้องไปฟังอัลบั้มแยกแทนซะแล้วแฮะ
บทความรีวิวอนิเมะอื่นๆ
🔑 9 (2+7) เพลง อนิเมะที่ดนตรีแปลกในวงการ Anisong แถมติดหูอีกต่างหาก
🔑 รีวิว อนิเม Vampire in the Garden ตำนานแวมไพร์ในสวนไพรที่ถ้าไม่ว่างก็ข้ามได้
🔑 รีวิว Uchuu Senkan Yamato 2202, 2205 รวมสองภาค Space Opera สุดปังที่ขาดสเน่ห์ภาคแรกไปเสียแล้ว
🔑 รีวิวอนิเม Tsuki to Laika to Nosferatu ส่งคนไปอวกาศมันธรรมดาไป ส่งแวมไพร์ไปดีกว่า
🔑 รีวิว อนิเม Wonder Egg Priority คอนเซปต์สภาวะจิตอันทะเยอทะยานท้าทายที่สุดท้ายก็ล้มไม่ลุก
🔑 ติดตามรีวิวอนิเมะอื่น ๆ ได้ใน https://gleegmjournal.com/category/pop-culture/anime/
🔑 แอดคอนแทคท์กันได้ใน: Anilist | MyAnimeList
🏀 บล็อกหัวข้อกีฬา คลิก | 📖 รีวิวBook หนังสือ |🎧 รีวิว Music ดนตรี